ครูควบเก๋งพุ่งชนลูกพ่วงรถบรรทุก จอดทิ้งกลางทาง ไร้สัญญาณเตือน-แสงไฟส่องสว่าง ทำสาวเสริมสวยนั่งมาด้วยดับสลด
ข่าวภูมิภาค

ครูควบเก๋งพุ่งชนลูกพ่วงรถบรรทุก จอดทิ้งกลางทาง ไร้สัญญาณเตือน-แสงไฟส่องสว่าง ทำสาวเสริมสวยนั่งมาด้วยดับสลด

เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2568 นายอำนวยโชติ มาหินกอง นายอำเภอโนนคูณ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งมีเหตุรถยนต์เก๋งชนรถบรรทุกพ่วง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณถนนหมายเลข 4006 เยื้องโรงเรียนโนนค้อวิทยาคม หมู่ที่ 11 ต.โนนค้อ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังรับแจ้ง จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกับ ร.ต.อ.เอกนรินทร์ มณีภาค รอง สว.(สอบสวน) สภ.โนนคูณ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย รุดไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงพบว่า ถนนสายดังกล่าว กำลังมีการปรับปรุงแซมถนนลาดยางใหม่ พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ขต 1659 อุบลราชธานี โดยมี นายปัญญา (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี ชาว ต.สวนกล้วย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ข้าราชการครู โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.โนนคูณ เป็นผู้ขับขี่ โดยสารมากับเพื่อน คือ น.ส.อนงค์นาฎ อายุ 32 ปี เจ้าของร้านเสริมสวย ใน อ.โนนคูณ พุ่งชนกับลูกพ่วงของรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีเหลือง/ขาว หมายเลขทะเบียน 82-8520 ศรีสะเกษ ลูกพ่วง สีเหลือง/ขาว 82-8521 ที่จอดนิ่งอยู่กลางถนน สภาพด้านหน้ารถยนต์เก๋งพังยับเยิน เป็นเหตุให้ น.ส. อนงค์นาฎ ถูกคานเหล็กของลูกพ่วงที่ยื่นออกมาเสียบแทงทะลุห้องเครื่องเข้ามายังห้องโดยสาร ซึ่งแรงกระแทกทำให้ น.ส. อนงค์นาฎ ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนหมดสตินั่งแน่นิ่งติดอยู่ภายในรถ เจ้าหน้าที่จึงรีบช่วยเหลือนำตัวส่ง รพ.โนนคูณ และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะที่คนขับรถยนต์เก๋ง ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนรถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าว มีนายนิด อายุ 57 ปี ชาว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า อุบัติเหตุในครั้งนี้ คาดว่าอาจเกิดจากความประมาทของ ผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ที่ได้จอดลูกพ่วงฯ ทิ้งไว้บนถนนที่เกิดเหตุ ในจุดที่ไม่มีแสงสว่างและมิได้จัดให้มีสัญญาณไฟ หรือป้ายเตือนแต่อย่างใด จนเป็นเหตุให้เกิดการเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บและมีทรัพย์สินเสียหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งดำเนินการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุอย่างละเอียดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นายบอย (นามสมมุติ) พนักงานปั้มน้ำมันใกล้ที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า หลังมีการเริ่มซ่อมแซมปรับปรุงถนนสายดังกล่าว ไฟส่องสว่างข้างทางก็ดับจนมืดมิดทุกคืน ก่อนเกิดเหตุตนเห็นรถบรรทุกพ่วงมาจอดถอดลูกพ่วงไว้ตรงกลางถนน ซึ่งเป็นเวลาพลบค่ำ โดยไม่มีสัญญาณไฟหรือสัญญาณเตือนใดๆ จากนั้นประมาณ 20 นาที ก็ได้ยินเสียงดังโคร่มเป็นเสียงคล้ายกระจกแตก จึงรีบวิ่งออกมาดู ก็พบว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งพุ่งชนลูกพ่วงของรถบรรทุกเข้าอย่างจัง จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ และเพิ่งทราบภายหลังว่ามีผู้เสียชีวิต

ต่อมา นายอำนวยโชติ มาหินกอง นายอำเภอโนนคูณ พร้อมด้วย นายพงษ์ศักดิ์ อริยะสุนทรกุล ผู้ทรงคุณวุฒิอำเภอโนนคูณ และประธาน กต.ตร.สภ.โนนคูณ ได้เดินทางลงพื้นที่ บ้านเลขที่ 68 หมู่ที่ 17 ต.บก อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ ไปพบกับ นายดวงตา บุญพงษ์ อายุ 57 ปี และนางหนูผิ่น บุญพงษ์ อายุ 54 ปี พ่อและแม่ของผู้เสียชีวิต เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมนำพวงหรีดมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมจะช่วยติดตามเรื่องเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่

นายดวงตา บุญพงษ์ อายุ 57 ปี และนางหนูผิ่น บุญพงษ์ พ่อและแม่ของ น.ส.อนงค์นาฎ ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนทั้งสอง มีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นหญิงทั้ง 2 คน คนโต อายุ อายุ 37 ปี ส่วนน.ส.อนงค์นาฎ เป็นลูกสาวคนเล็ก มีอาชีพเป็นช่างเสริมสวย เปิดร้านเสริมสวยเป็นของตนเอง และถือว่าเป็นเสาหลักของครอบครัว เคยแต่งงานมีครอบครัวและมีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นชายทั้ง 2 คน อายุ 13 ปี และ 7 ขวบ ส่วนสามี ของ น.ส.อนงค์นาฎ ได้แยกกันอยู่ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุ หลังทราบข่าวว่าลูกสาวตนเสียชีวิต รู้สึกเสียใจมาก เพราะไม่คาดคิดมาก่อน

และอยากฝากถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบ อยากให้มีความรอบคอบกว่านี้ เพราะเมื่อเกิดเหตุสูญเสียลักษณะนี้ขึ้น กว่าที่ครอบครัวจะทำใจได้ก็ต้องใช้เวลานาน ยิ่งลูกสาวคนที่เสียชีวิต เป็นเสาหลักของบ้านมาจากไปยิ่งสุดเสียใจ อยากให้ออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวจังหวัดศรีสะเกษ รายงาน