เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 17 พ.ย. 68 ตำรวจ สภ.นาโยง รับแจ้งเหตุพบร่างถูกยิงเสียชีวิต 3 ร่าง ภายในบ้านเลขที่ 292 ซอยชื่นสุขพัฒนา หมู่ 7 บ้านหนองไทร ต.นาโยง อ.นาโยง จ.ตรัง หลังรับแจ้งจึงรุดตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง พ.ต.ท.แสวง เปรมปรัชชา รอง ผกก.ป.สภ.นาโยง ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ตรัว ฝ่ายสืบสวน สภ.นาโยง ฝ่ายปกครอง กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ตรัง แพทย์เวร รพ.นาโยง และอาสามูลนิธิสว่างภักดีนาโยง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิด ตรงระเบียงหน้าบ้านพบร่าง นายพงษ์ศักดิ์ (นามสมมุติ) ถูกยิงเสียชีวิตเข้าบริเวณศีรษะ 1 นัด ในบ้านภายในห้องนอนพบร่างนายสุเมธ (นามสมมุติ) และนายสมคิด (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี เจ้าของบ้าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าบริเวณศีรษะคนละ 1 นัด นอกจากนี้พบอาวุธปืนออโตเมติกขนาด 9 มม.อยู่ข้างนายสมคิด ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายสมคิด เปิดโรงงานทำกะปิที่บ้าน โดยมีนายสุเมธ และนายพงษ์ศักดิ์ เป็นคนงาน ก่อนเกิดเหตุช่วงก่อนเกิดเหตุ เวลาประมาณ 23.00 น. เมื่อวานนี้ทั้ง 3 ราย ได้นั่งดื่มสุราที่หน้าบ้านกันตามปกติ ทั้งวันนี้บ้านปิดประตูเงียบ จนช่วงเย็นวันนี้มีญาติโทรศัพท์หาผู้ตายแต่ไม่มีคนรับ จึงเดินทางมาดูที่บ้าน พบประตูรั้วปิดสนิทจึงเปิดประตูเข้ามาดูก่อนพบร่างนายพงษ์ศักดิ์ นอนเสียชีวิตอยู่หน้าบ้าน จึงรีบแจ้งตำรวจ
จากรายงานการสืบสวนรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบ้านพักพบว่ากล้องวงจรปิดดับตั้งแต่ช่วงเวลาเที่ยงคืน ทำให้ไม่ทราบเวลาการเกิดเหตุที่แน่ชัด สำหรับนายสมคิด ปัจจุบันทำธุรกิจโรงกะปิ ส่งขายในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง ที่ผ่านมาธุรกิจรายได้ดีแต่ช่วงหลังประสบปัญหาขายไม่ดีเหมือนแต่ก่อนประกอบกับมีหนี้สินเงินกู้
ด้านเพื่อนบ้าน เล่าว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 23.00 น. ตนเห็นกลุ่มผู้ตายนั่งดื่มสุรากันที่หน้าบ้าน 3 คน จนตนเข้านอนและตื่นมาดูวัวที่ตนเลี้ยงไว้เวลาประมาณ 02.30 น. ก็เห็นบ้านปิดไฟเงียบ กระทั่งวันนี้ก็เห็นมีคนเวียนมาหา แต่พอโทรศัพท์หาก็ไม่มีใครมาเปิดประตู ก่อนมาทราบว่าเสียชีวิตแล้วในช่วงเย็น
อย่างไรก็ตาม ตำรวจไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งเรื่องปัญหาธุรกิจและเรื่องส่วนตัว เบื้องต้นส่งร่างทั้งหมดผ่าชันสูตรที่ รพ.สงขลานครินทร์ จ.สงขลา เพื่อตรวจสอบบาดแผลและคราบเขม่าดินปืน ก่อนพนักงานสอบสวนจะทำการเรียกบุคคลข้างเคียงมาสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป