วันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเข้าสู่ภาวะวิกฤต หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ปรับเพิ่มการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนในอัตรา 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และคลองสาขาต่างๆ เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน บางจุดน้ำสูงถึงชั้นสอง และบางหลังคาเกือบจมมิด

พื้นที่ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ ถือเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด น้ำท่วมเต็มพื้นที่ 100% มีเพียงอาคารที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และถนนสายหลัก เสนา–ผักไห่ ที่ยังไม่ถูกน้ำท่วม ซึ่งใช้เป็นศูนย์กลางกระจายความช่วยเหลือชาวบ้าน

นายณัฐธร มงคลร้อย นายก อบต.ท่าดินแดง เปิดเผยว่า ขณะนี้ทั้ง 8 หมู่บ้านกว่า 600 ครัวเรือนถูกน้ำท่วมทั้งหมดต่อเนื่องมานาน 4 เดือนแล้ว ระดับน้ำสูง 4–5 เมตร บางจุดต้องใช้เรือเข้าออก บ้านหลายหลังท่วมถึงหลังคา พื้นที่เราถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่รับน้ำ แต่สิ่งที่ชาวบ้านได้รับกลับไม่คุ้มกับความเดือดร้อน เงินเยียวยา 9,000 บาทต่อครัวเรือน เท่ากับเดือนละแค่ 2,000 กว่าบาท อยู่กับน้ำมา 4 เดือน มันไม่คุ้มเลย

ชาวบ้านในพื้นที่เรียกร้องให้รัฐบาลนำงบเยียวยารายปี ไปวางแผนแก้ไขปัญหาในระยะยาวแทน เช่น การจัดการเส้นทางระบายน้ำ การบริหารพื้นที่รับน้ำให้เป็นธรรม และการป้องกันน้ำท่วมซ้ำซาก เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผักไห่–บางบาล–เสนา ต้องเผชิญน้ำท่วมทุกปี

ขณะนี้ระดับน้ำยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง ประชาชนต้องอาศัยอยู่ในบ้านชั้นสอง แจกถุงยังชีพกันผ่านหน้าต่าง หลายครอบครัวเริ่มประสบปัญหาความเครียด โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่ไม่สามารถออกจากบ้านได้ ชาวบ้านฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พร้อมวอนรัฐบาลแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้ยั่งยืน เพื่อไม่ให้ ท่าดินแดง ต้องจมบาดาลซ้ำทุกปีอีกต่อไป