เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม เกิดเหตุอุกอาจใช้อาวุธปืนยิงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ที่บริเวณริมถนนหน้าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่บ้านโนนงาม ต.ท่าลี่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี โดย พ.ต.ท. และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กุมภวาปี ได้รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและโรงพยาบาล

ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ 3 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งสองรายถูกนำตัวส่ง รพ.กุมภวาปี โดยรายแรกคือ เจ้าของบ้าน อายุ 34 ปี ถูกยิงเข้าที่น่องขาขวากระสุนทะลุ ส่วนอีกรายเป็นเพื่อนรัก ถูกยิงเข้าหน้าท้องกระสุนฝังใน ทั้งสองรายอาการไม่สาหัสและยังให้การได้

จากการสอบสวนทราบว่า มูลเหตุความขัดแย้งมาจากการซื้อขาย ปืนทิพย์ ในราคา 7,000 บาท โดยมี ชายอายุ 18 ปี ผู้ก่อเหตุที่ถูกจับกุมได้ในภายหลัง เป็นคนกลางติดต่อขายปืนกล็อกให้กับ ชายอายุ 29 ปี (ผู้ซื้อ) โดยซื้อต่อมาจากหลานชายของผู้บาดเจ็บ (อายุ 16 ปี) ซึ่งเมื่อผู้ซื้อโอนเงิน 7,000 บาทไปแล้ว แต่ไม่ได้รับปืน เนื่องจากปืนไม่มีจริง และถูกนำเงินไปใช้บางส่วน ทำให้เกิดการทวงเงินคืน

เหตุการณ์ได้ลุกลามเมื่อกลุ่มผู้ซื้อไม่พอใจ ได้มีการด่าท้าทายกันทางโทรศัพท์ระหว่างกลุ่มผู้บาดเจ็บ (น้าชายและเพื่อน) กับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ก่อนที่กลุ่มของ ชายอายุ 29 ปี ซึ่งมีลูกพี่และพวกอีก 3 คน รวม 5 คน จะขับรถเก๋งสีขาวและรถจักรยานยนต์มาตามคำท้าทาย

ผู้บาดเจ็บเจ้าของบ้านให้การว่า ขณะเกิดเหตุ ตนและเพื่อนถูก ชายอายุ 18 ปี และเพื่อนอีกคนขี่รถจักรยานยนต์มาเรียกให้ออกไปพบ จากนั้นมีรถเก๋งขับตามมา และมีคนร้ายที่อยู่ในรถยิงใส่ขาตนบาดเจ็บ เพื่อนที่วิ่งเข้ามาช่วยก็ถูกยิงเข้าที่ท้อง ส่วนกลุ่มคนร้าย 5 คน ซึ่งรู้จักเพียง ชายอายุ 18 ปี ได้พากันหลบหนีไป

ขณะที่ ชายอายุ 18 ปี และ ชายอายุ 29 ปี ให้การรับสารภาพว่า ถูกผู้บาดเจ็บและเพื่อนถือมีดดาบวิ่งไล่ฟันเข้ามาก่อน กลุ่มตนซึ่งมีอาวุธปืน (คาดว่าเป็นปืนไทยประดิษฐ์หรือปืนบีบีกันดัดแปลง) จึงยิงสวนป้องกันตัวไป 4-5 นัด ก่อนจะพากันหลบหนี

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กุมภวาปี สามารถติดตามจับกุม ชายอายุ 18 ปี และ ชายอายุ 29 ปี ได้ที่บ้านพัก พร้อมทั้งควบคุมตัวมาสอบสวนและทำแผนจำลองเหตุการณ์ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) และ ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี พยายามฆ่าผู้อื่น ส่วนผู้ก่อเหตุอีก 3 คนที่มากับรถยนต์เก๋ง พนักงานสอบสวนจะเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดอุดรธานี และติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป