รวบแล้วมัคคุเทศก์เถื่อน พบบริษัทจดทะเบียนถูกต้อง เร่งสอบนอมินีต่างชาติ
ข่าวภูมิภาค

รวบแล้วมัคคุเทศก์เถื่อน พบบริษัทจดทะเบียนถูกต้อง เร่งสอบนอมินีต่างชาติ

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม เมื่อเวลา 13.10 น. วันที่ 15 ต.ค.68 ภายใต้นโยบายของ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) ในการปราบปรามการกระทำความผิดของกลุ่มชาวต่างชาติและธุรกิจนำเที่ยวผิดกฎหมาย สถานีตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 (ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3) ได้รับการร้องเรียนผ่านสายด่วน 1155 ว่า มีกลุ่มบุคคลทั้งคนไทยและชาวต่างด้าว 

ลักลอบประกอบอาชีพมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ มีการนำเที่ยวด้วยการใช้รถยนต์สี่ล้อวิบาก (ATV) ในเส้นทางถนนท้องนาง-ท้องนายปาน หมู่ 2 ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี

รายงานว่า พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จ.สุราษฎร์ธานี และฝ่ายปกครอง อ.เกาะพะงัน ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณทางเข้าสนามบินฯ ถนนเส้นท้องนาง-ท้องนายปาน

พบกลุ่มบุคคลกำลังขับขี่รถยนต์สี่ล้อวิบาก หรือ ATV นำนักท่องเที่ยวต่างชาติไปท่องเที่ยว จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถ โดยสามารถควบคุมตัวผู้กระทำความผิดได้ 5 ราย ข้อหา ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาต นาย จ. อายุ 26 ปี และนาย ซ. อายุ 25 ปี สัญชาติเมียนมา ข้อหา ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานไม่มีใบอนุญาตทำงาน

จากการสอบถาม นายทองสุขให้การยอมรับว่า ตนมารับจ้างขับรถ ATV นำเที่ยวให้กับ บริษัทแห่งหนึ่ง ทำหน้าที่อธิบายและสาธิตวิธีใช้รถ ATV ระบบเกียร์ เบรก แจกจ่ายและช่วยสวมใส่ชุดป้องกันการบาดเจ็บ (ชุดเซฟตี้) พร้อมทั้งขับรถนำหน้าพาลูกค้าชาวต่างชาติไปท่องเที่ยว ขณะถูกจับกุมมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 15 คน ร่วมทริป โดยใช้อุปกรณ์รถวิบาก 6 คัน (ATV 5 คัน และบักกี้ 1 คัน) ซึ่งนักท่องเที่ยวต้องจ่ายค่าบริการคนละ 2,000 บาท และตนได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือนละ 15,000 บาท

เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบและนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการย้ำเตือนให้ผู้ประกอบการและบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์อย่างเคร่งครัด เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวของประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในเกาะพะงัน

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บริษัทมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวจริง แต่ผู้นำเที่ยวไม่มีบัตรประจำตัวมัคคุเทศก์ ซึ่งผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวฯ พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ ที่ใช้ติดต่อประสานงานเป็นของกลาง

บริษัทฯจดทะเบียนในชื่อคนไทย แต่มีสามีเป็นชาวอิสราเอล ลักษณะการให้บริการมุ่งเป้ากลุ่มลูกค้าชาวอิสราเอลโดยเฉพาะ ทั้งป้ายร้านและโฆษณาเป็นภาษาฮิบรู และติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่นเป็นหลัก เจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัททัวร์ว่าเข้าข่ายการเป็น นอมินี หรือไม่ หากพบความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด สำหรับลูกค้าที่จองทัวร์ในวันนี้ บริษัทต้องรับผิดชอบคืนเงินเต็มจำนวน เนื่องจากไม่สามารถให้บริการตามสัญญาได้