ป้าวัย 68 เล่าทั้งน้ำตา น้ำแรงซัดกระชังปลา ลอยข้ามจังหวัดกว่า 10 กม. ขับเรือตาม แต่ทำอะไรไม่ได้แล้ว สุดท้ายต้องยอมขายขาดทุน รักษาผัวป่วย นอนไอซียู
ข่าวภูมิภาค

ป้าวัย 68 เล่าทั้งน้ำตา น้ำแรงซัดกระชังปลา ลอยข้ามจังหวัดกว่า 10 กม. ขับเรือตาม แต่ทำอะไรไม่ได้แล้ว สุดท้ายต้องยอมขายขาดทุน รักษาผัวป่วย นอนไอซียู

วันที่ 1 ต.ค. 2568 จากผลกระทบของพายุ บัวลอย ทำให้น้ำเหนือไหลลงสู่ลุ่มเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำ C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ วัดปริมาณน้ำไหลผ่านสูงถึง 2,696 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก เนื่องจากต้องเร่งระบายเพื่อบรรเทาผลกระทบประชาชนสองฝั่งแม่น้ำ

กระแสน้ำเชี่ยวได้พัดกระชังปลาของ นางถาวร อ่ำนาค อายุ 68 ปี ชาวจังหวัดอุทัยธานี หลุดออกจากแท่นยึด ลอยข้ามเขตเจ้าพระยาไกลกว่า 10 กิโลเมตร เจ้าของต้องขี่เรือไล่ตาม พร้อมประสานเจ้าหน้าที่กองเรืออาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจังหวัดชัยนาท เข้าช่วยเหลือ ลากกระชังมาผูกไว้ที่แพหน้าวัดปากคลองมะขามเฒ่า (วัดหลวงปู่ศุข) อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท

อย่างไรก็ตาม กระชังได้รับความเสียหายและไม่สามารถนำกลับไปวางในจุดเดิมได้ เนื่องจากกระแสน้ำยังไหลแรง นางถาวร จึงจำใจขายปลาทั้งหมดในสองกระชัง ได้แก่ ปลาแรดและปลาสังกะวาด โดยให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยตักปลา และให้ผู้สื่อข่าวช่วยโพสต์ขายผ่านโซเชียล ในราคาขาดทุน โดยปลาสังกะวาด กิโลกรัมละ 50 บาท และปลาแรดกิโลกรัมละ 70 บาท

หลังโพสต์ได้ไม่นาน ประชาชนในพื้นที่ต่างมาช่วยกันซื้ออย่างต่อเนื่อง มีทั้งซื้อคนละ 1 - 2 กิโลกรัม ไปจนถึงรายใหญ่ซื้อเกือบ 100 กิโลกรัม ส่งผลให้ปลาทั้งหมดขายหมดภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง

จากการสอบถาม นางถาวร เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ปลาที่เลี้ยงมีปลาแรดกับปลาสังกะวาด ปกติขายกิโลละร้อยกว่าบาท แต่วันนี้เจอภัยธรรมชาติ สามีก็ป่วยอยู่ห้องไอซียู ไม่รู้จะทำยังไง ถ้าไม่ขายปลาก็xายเปล่า ขายเอาทุนคืนบ้างยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

ทั้งนี้ ชาวบ้านริมสองฝั่งยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หลังระดับน้ำยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวจังหวัดชัยนาท รายงาน