น้ำขึ้นสูง! เขื่อนเจ้าพระยาระบายเพิ่ม 2,400 ลบ.ม. เตือนประชาชนระวังภัย
ข่าวภูมิภาค

น้ำขึ้นสูง! เขื่อนเจ้าพระยาระบายเพิ่ม 2,400 ลบ.ม. เตือนประชาชนระวังภัย

วันที่ 2 ตุลาคม 2568 มีรายงานว่า ที่บริเวณริมทางหลวงชนบทหมายเลข ช.น.3018 ถนนคันคลองมหาราช มีประชาชนจาก 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลโพนางดำออก อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท กว่า 15 ครัวเรือน และตำบลชีน้ำร้าย อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี กว่า 400 ครอบครัว อพยพหนีน้ำท่วมขึ้นมาสร้างเพิงพักอาศัยชั่วคราวอยู่ริมถนน ส่งผลให้ถนนบางช่วงเหลือเพียงช่องทางเดียว ตั้งแต่หมู่ 1 ตำบลโพนางดำออก ไปจนถึงพื้นที่ประตูระบายน้ำบางโฉมศรี

ในพื้นที่ตำบลชีน้ำร้าย ระดับน้ำเพิ่มสูงจนล้นตลิ่งต่อเนื่องหลายวัน บางจุดที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำมีระดับน้ำสูง 150-160 เซนติเมตร ทำให้ชาวบ้านต้องย้ายสิ่งของขึ้นมาอยู่ริมถนนชั่วคราว ขณะที่ตำบลโพนางดำออก นายมนตรี คุ้มเขตร์ นายกเทศมนตรี เปิดเผยว่า ระดับน้ำล้นตลิ่งแล้ว เทศบาลจึงต้องเสริมคันดินเพื่อรองรับการปรับการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ที่จะเพิ่มจาก 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีในวันนี้ ซึ่งคาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นอีก 20-30 เซนติเมตร โดยเทศบาลคาดว่าสามารถรองรับได้ถึงระดับการระบายน้ำ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หากเกินกว่านี้เกรงว่าคันดินจะไม่สามารถรับไหว

ที่เขื่อนเจ้าพระยา ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลุ่มภาคกลาง ล่าสุดปริมาณน้ำเหนือที่จุดวัดน้ำ C2 หน้าค่ายจิรประวัติ อำเภอเมืองนครสวรรค์ เพิ่มสูงต่อเนื่อง วัดได้ 2,730 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อนเพิ่มขึ้น 35 เซนติเมตรใน 24 ชั่วโมง วัดได้ 16.33 เมตร รทก.

จากอิทธิพลของพายุบัวลอยที่แม้อ่อนกำลังลง แต่ยังเสริมให้ร่องมรสุมตอนบนของประเทศไทยมีกำลังแรง ทำให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง กรมชลประทานจึงปรับเพิ่มการระบายน้ำจาก 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยระดับน้ำท้ายเขื่อนล่าสุดวัดได้ 15.47 เมตร รทก. และได้แจ้งเตือนพื้นที่ท้ายเขื่อนตั้งแต่อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ลงไปถึงจังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ให้เตรียมรับมือระดับน้ำที่อาจเพิ่มขึ้น 15-30 เซนติเมตรภายใน 24 ชั่วโมง

ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท (ปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีพื้นที่น้ำท่วมท้ายเขื่อนในอำเภอสรรพยา 5 ตำบล 16 หมู่บ้าน รวม 200 ครัวเรือน มีผู้ได้รับผลกระทบ 520 คน โดยทั้งหมดอยู่นอกแนวกั้นน้ำ