บางปะอินวิกฤต! ระดับน้ำเจ้าพระยาพุ่ง ท่วมแล้ว 12 ตำบล 84 หมู่บ้าน
ข่าวภูมิภาค

บางปะอินวิกฤต! ระดับน้ำเจ้าพระยาพุ่ง ท่วมแล้ว 12 ตำบล 84 หมู่บ้าน

(30 ก.ย. 2568) สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยายังน่าเป็นห่วง หลัง เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ปรับเพิ่มการระบายน้ำจาก 2,200 เป็น 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้มวลน้ำที่ไหลผ่านพื้นที่และในแม่น้ำน้อย รวมถึงคลองสาขาต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น 5 – 10 เซนติเมตร โดยเฉพาะในพื้นที่ อำเภอบางปะอิน ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีน้ำจากแม่น้ำป่าสักไหลมาสมทบด้วย ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและน้ำไหลเชี่ยว

นายอำเภอบางปะอิน เปิดเผยว่า ระดับน้ำที่ท่าน้ำหน้าหอประชุม อ.บางปะอิน เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 14 เซนติเมตร และมีระดับความสูงรวม 3.14 เมตร ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา (29 ก.ย.) ระดับน้ำขึ้นสูงมาก เนื่องจากมีการระบายน้ำจากเขื่อนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมี น้ำทะเลหนุนสูง ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ริมแม่น้ำปรับตัวไม่ทัน

ขณะนี้ อำเภอบางปะอิน ได้ประกาศเป็น พื้นที่ประสบสาธารณภัย แล้วรวม 12 ตำบล 84 หมู่บ้าน โดยมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 6,600 ครัวเรือน โดยในวันนี้ นายอำเภอบางปะอินและคณะ ได้เร่งมอบ ถุงยังชีพ 300 ชุด ให้กับผู้ประสบภัยในเขตเทศบาลตำบลบางปะอิน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น

หมู่ 1 ต.บ้านเลน ที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่า ระดับน้ำได้ ล้นตลิ่งเข้าท่วมภายในชุมชน ถนนถูกตัดขาดด้วยน้ำที่สูงประมาณ 1 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจรเข้าออก ซึ่งทางเทศบาลได้นำเรือมาให้บริการแล้ว ส่วนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไม่สามารถใช้งานได้

นายอำเภอบางปะอินกล่าวถึงพื้นที่เศรษฐกิจว่า ได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำใน นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และ นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) อย่างใกล้ชิด โดยมีการติดตั้งกล้องวัดระดับน้ำหลายจุด เพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำ ระดับน้ำขณะนี้ยังไม่น่าวิตก และแนวป้องกันน้ำท่วมยังคงแข็งแรงดี ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญยังไม่ได้รับผลกระทบ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ฝากเตือนไปยังประชาชนว่า เนื่องจากมีการระบายน้ำเพิ่มและฝนตก ทำให้ช่วง กลางวันระดับน้ำจะลดลง แต่ช่วงกลางคืนน้ำจะท่วมสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากน้ำทะเลหนุน ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจร และเตือนบุตรหลานที่หลายโรงเรียนเริ่มปิดให้ระวังการเล่นน้ำ ซึ่งอาจเกิดอันตราย รวมถึงการระวัง สัตว์มีพิษ

นายอำเภอบางปะอินได้สั่งการให้ผู้นำท้องถิ่นและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งสำรวจบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมอย่างละเอียด เพื่อเก็บข้อมูลสำหรับมาตรการชดเชยช่วยเหลือต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง