เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 มีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดเพชรบูรณ์ว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ที่เคยประสบเหตุน้ำท่วมเริ่มคลี่คลายลง โดยปริมาณน้ำในแม่น้ำป่าสัก ลำน้ำพุงและลำห้วยสายต่างๆ มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญ ปริมาณน้ำที่ท่วมตลาดและถนนสายหลักต่างๆ เริ่มลดระดับลงอย่างชัดเจน

สะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก ข้างพิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์ ซึ่งก่อนหน้านี้น้ำเอ่อล้นขึ้นมาบนสะพาน ล่าสุดระดับน้ำได้ลดลงจนไม่ล้นสะพานแล้ว ขณะเดียวกัน แนวพนังกั้นน้ำบริเวณสวนดงตาล ที่เคยเกิดการแตกร้าว ได้รับการซ่อมแซมและเสริมความมั่นคงจนสามารถรองรับมวลน้ำได้ แม้ระดับน้ำจะยังสูงกว่าตลิ่งและเกือบถึงแนวพนังกั้นน้ำ

นายภาคภูมิ ภูมี นายอำเภอหล่มสัก เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอหล่มสักขณะนี้เริ่มทรงตัว โดยอุทกภัยรอบที่ 4 ครั้งนี้ ขยายวงกว้าง ส่งผลให้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้วทั้งหมด 13 ตำบล 67 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากกว่า 6,800 ครัวเรือน หรือประมาณ 17,000 คน

สำหรับเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ระดับน้ำเริ่มนิ่งและมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย สถานการณ์อยู่ในขั้นควบคุมได้ แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากซ้ำ เนื่องจากยังมีความเป็นไปได้ว่าจะมีพายุลูกใหม่เข้ามาในช่วงปลายเดือน

ในส่วนของแนวพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำป่าสัก ข้อมูลจากสถานีวัดน้ำ S3 ตาลเดี่ยว ล่าสุดระดับน้ำอยู่ที่ 9.35 เมตร (ซึ่งสูงกว่าระดับตลิ่งที่ 8.30 เมตร) แม้ว่าจะมีน้ำซึมผ่านเข้ามาบ้าง แต่สามารถระบายออกได้ทัน ส่งผลให้ถนนสายหลักในเขตเศรษฐกิจบางส่วนแห้งกลับสู่สภาพปกติ

นายภาคภูมิระบุเพิ่มเติมว่า พื้นที่ตำบลวัดป่า โดยเฉพาะหมู่ 9 และหมู่ 3 ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต จากเหตุคันดินกั้นน้ำพังทลาย ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็วและรุนแรง ระดับน้ำในบางจุดสูงตั้งแต่ระดับเอวจนถึงมิดศีรษะในพื้นที่ลุ่มต่ำ ขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการซ่อมแซมได้ ต้องรอให้น้ำลดลงก่อน

ทั้งนี้ อำเภอหล่มสักได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัยพิบัติแล้วตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมรอบแรก เพื่อเร่งรัดขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยในทุกมิติ ขณะเดียวกันได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานปศุสัตว์ และสำนักงานประมง เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อจัดทำข้อมูลขอรับเงินเยียวยาจากภาครัฐโดยเร็ว

นายภาคภูมิกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลประชาชนในพื้นที่ประสบภัย โดยเฉพาะเรื่องอาหาร น้ำดื่ม และที่พักพิงให้มีเพียงพอและปลอดภัย พร้อมระบุว่าได้รับการสนับสนุนจากสภากาชาดไทย จัดส่งถุงยังชีพเพิ่มเติมอีก 2,000 ชุด เพื่อแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัย โดยมีเจ้าหน้าที่และนักเรียนร่วมกันบรรจุถุงยังชีพเพื่อส่งต่อกำลังใจให้ประชาชน

ด้านเทศบาลเมืองหล่มสัก รายงานเพิ่มเติมว่า แนวคันดินบริเวณซอยป่ามะเขือเกิดการชำรุด มีน้ำรั่วซึมเข้ามาในพื้นที่ชุมชน เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ลงพื้นที่ดำเนินการวางกระสอบทรายตลอดแนวคันดิน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าพื้นที่ชุมชน ได้แก่ ชุมชนศรีบุญเรือง, ชุมชนเมตตา, ชุมชนสักงอย และชุมชนไพรสณศักดาราม