เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา หลายพื้นที่ในภาคเหนือของประเทศไทยต้องเผชิญกับฝนตกหนักตลอดทั้งวัน ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ลำน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลันในหลายจังหวัด สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือน ทรัพย์สิน และพื้นที่เกษตรของประชาชน โดยหน่วยงานท้องถิ่นต่างเร่งเข้าช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

ทางด้านของ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ฝนที่ตกอย่างหนักตลอดวัน ส่งผลให้ลำน้ำแม่สาเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มในสามหมู่บ้าน ได้แก่ บ้านแม่แรม บ้านป่าม่วง ในเขตตำบลแม่แรม และบ้านห้วยโจ้ ตำบลริมใต้ น้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายหลัง เบื้องต้นมีรายงานความเสียหาย แต่ยังไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

นายอำเภอแม่ริม ได้สั่งการฝ่ายปกครอง พร้อมทีมงานลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ขณะเดียวกัน ทีมงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลแม่แรม ได้เข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ซอยริมใต้สายธาร ซึ่งมีน้ำท่วมสูงจนประชาชนติดอยู่ภายในบ้าน โดยสามารถอพยพผู้ใหญ่ 4 คน และเด็ก 1 คนออกมาได้อย่างปลอดภัย

ต่อมาเวลา 21.00 น. สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำในลำน้ำแม่สาลดลงอย่างต่อเนื่อง ใกล้กลับสู่ภาวะปกติ โดยไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ขณะที่ใน จังหวัดน่าน เวลาประมาณ 20.30 น. มูลนิธิเพชรเกษมรับแจ้งเหตุ น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ตำบลผาตอ อำเภอท่าวังผา ชาวบ้านต้องรีบขนย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและทรัพย์สินขึ้นที่สูงเพื่อความปลอดภัยจากกระแสน้ำ

ต่อมา เวลา 21.03 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ส่งข้อความแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast ไปยังประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ อำเภอสันติสุข อำเภอบ่อเกลือ และอำเภอท่าวังผา เตือนให้ระวังน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม โดยเฉพาะบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมห้วย ลำคลอง พื้นที่ลุ่มต่ำ และบริเวณเชิงเขา

จังหวัดพะเยา ฝนที่ตกต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงบ่าย ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่เขตเทศบาลตำบลปง และถนนสายปง-เชียงม่วน ตำบลนาปรัง ระดับน้ำสูงจนรถไม่สามารถสัญจรผ่านได้เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง ขณะที่ทางราชการได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจมีพายุลูกใหม่พัดเข้าสู่ภาคเหนือในช่วงนี้

ส่วนที่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อช่วงเย็น ฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้แม่น้ำป่าสักและลำคลองในพื้นที่มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนเอ่อล้นตลิ่ง น้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรหลายจุด

เจ้าหน้าที่ในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ต้องเร่งเคลื่อนย้ายเสาไฟฟ้า แท่งแบริเออร์ และนำบิ๊กแบ็กเข้ามาวางแนวเพื่อป้องกันน้ำทะลักเข้าสู่ย่านเศรษฐกิจกลางเมือง

นายพงษ์รัตน์ เมืองปาก ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง ได้ลงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่เพื่อสำรวจและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ต่างรู้สึกกังวล โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองหล่มสัก ที่มีประสบการณ์น้ำท่วมมาแล้วถึง 3 ครั้งในปีนี้ และอาจต้องเผชิญน้ำท่วมรอบที่ 4 หากฝนยังคงตกต่อเนื่อง

หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องคือ นายนภดล เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ ในตัวเมืองหล่มสัก เขากล่าวว่า หากเกิดน้ำท่วมอีกในรอบนี้ จะเป็นครั้งที่ 4 ในรอบปี ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถทำความสะอาดฟื้นฟูความเสียหายจากครั้งก่อนหน้าได้เสร็จสมบูรณ์เลย

สถานการณ์ทั้งหมดนี้ เป็นผลพวงจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ และยังคงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง ริมลำน้ำ ที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่เกษตรกรรมที่อาจได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น หากมีพายุหรือลมฝนเข้ามาเพิ่มเติมในช่วงวันถัดไป