เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายเพิ่มสูงและล้นตลิ่งเข้าท่วมชุมชนในพื้นที่ลุ่มต่ำและริมแม่น้ำ
โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,224 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รวมกับปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังที่ไหลสมทบในอัตรา 102 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณหน้าเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น
เพื่อควบคุมไม่ให้ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเกินอัตราการระบายที่ 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำออกทางฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีนเพิ่มขึ้น ประกอบกับน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมหลายพื้นที่ในจังหวัดสุพรรณบุรี นครปฐมและสมุทรสาคร
สทนช.ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ แม่น้ำท่าจีนมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคกลางก่อนระบายออกสู่อ่าวไทย แต่ยังมีข้อจำกัดหลายประการ ได้แก่ การระบายน้ำที่ล่าช้าเนื่องจากภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม ปัญหาตะกอนทับถมทำให้ลำน้ำตื้นเขิน ความคดเคี้ยวของลำน้ำ ผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนในจังหวัดสมุทรสาคร และการขยายตัวของชุมชนที่กีดขวางเส้นทางน้ำ ซึ่งล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อน้ำท่วมในพื้นที่ท้ายน้ำ
เตือนน้ำทะเลหนุนสูงช่วง 17-22 ก.ย.
สทนช.ได้ติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงจากกรมอุทกศาสตร์ โดยคาดว่าในช่วงวันที่ 17-22 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 16.00–19.00 น. ระดับน้ำทะเลบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะหนุนสูง
คาดว่าระดับน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 1.70-1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง สูงกว่าระดับวิกฤตประมาณ 0.20 เมตร สาเหตุจากร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศ ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลางพัดปกคลุม ส่งผลให้มีฝนตกบางพื้นที่ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้น น้ำทะเลหนุน และน้ำเอ่อล้นตลิ่ง
พื้นที่เสี่ยงต่อสถานการณ์ดังกล่าว ได้แก่ พื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง รวมถึงชุมชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำและเขื่อนชั่วคราว ในพื้นที่ที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐมและสมุทรสงคราม
แนวทางปฏิบัติรับมือน้ำท่วม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ สทนช.ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังนี้:
- ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
- ตรวจสอบความมั่นคงของอาคารป้องกันริมแม่น้ำ
- เสริมคันกั้นน้ำบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำและจุดเสี่ยง
- ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนในพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและเขื่อนชั่วคราวทราบล่วงหน้า
- เตรียมเครื่องจักรและเครื่องมือ เพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบได้ทันที
- ปรับแผนบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำ เขื่อน และประตูระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์