วันที่ 4 กันยายน 2568 มีรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพิจิตรได้เข้าสู่ภาวะวิกฤต โดยเฉพาะพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำยม มวลน้ำจำนวนมากเอ่อล้นตลิ่งและไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามง่าม อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอบึงนาราง และอำเภอโพทะเล รวมทั้งหมด 16 ตำบล 72 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 1,000 หลังคาเรือน
ขณะเดียวกันในพื้นที่อำเภอทับคล้อ ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าที่ไหลมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ทำให้ชุมชนลับแล ชุมชนตลาดใต้ และชุมชนวัดทับคล้อ มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมรวม 60 หลังคาเรือน
นอกจากนี้ในพื้นที่อำเภอบางมูลนาก น้ำป่าที่ไหลปะปนกับแม่น้ำน่าน ได้หลากเข้าท่วมพื้นที่ใน 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลหอไกร และตำบลบางไผ่ รวม 18 หมู่บ้าน ประชาชนเกือบ 200 หลังคาเรือนต้องเผชิญกับน้ำท่วมสูง และต้องใช้เรือในการเดินทางเข้าออกหมู่บ้าน
ในสถานการณ์ดังกล่าว นายอำนาจ ม่วงดิษฐ์ หัวหน้าไปรษณีย์จังหวัดพิจิตร ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เร่งอำนวยความสะดวกในการส่งพัสดุและจดหมายให้ถึงมือประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ประสบอุทกภัย เช่น ตำบลรังนก อำเภอสามง่าม ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากทุกฤดูน้ำหลาก
แม้จะประสบปัญหาน้ำท่วม แต่ยอดการจัดส่งสิ่งของทางไปรษณีย์ไม่ได้ลดลง เนื่องจากประชาชนนิยมสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และมีการส่งของจากลูกหลานในพื้นที่อื่นมายังผู้สูงอายุที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม เช่น ยารักษาโรค หรือของใช้จำเป็น รวมถึงพัสดุที่ต้องเก็บเงินปลายทาง (COD)
เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ต้องใช้เรือพายลุยกระแสน้ำเชี่ยวในการส่งจดหมายและพัสดุถึงมือผู้รับตามกำหนดเวลา โดยยืนยันว่า พนักงานทุกคนมีความชำนาญและประสบการณ์ในการทำงานช่วงน้ำหลาก
ทั้งนี้ หากไม่สามารถส่งตรงถึงบ้านได้ เจ้าหน้าที่จะนำพัสดุไปฝากไว้ที่จุดนำจ่ายในหมู่บ้าน จากนั้นกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านจะใช้หอกระจายข่าวประกาศให้ชาวบ้านมารับของเอง ซึ่งไม่มีพัสดุค้างจ่ายหรือล่าช้าแม้แต่ชิ้นเดียว