วันที่ 31 สิงหาคม 2568 สถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดเพชรบูรณ์ค่อนข้างหนัก หลังจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน หนองฟ้า ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดคืน นำไปสู่ภาวะน้ำป่าจากเขาในพื้นที่ต้นน้ำ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ไหลลงสู่ลำน้ำสาขาแม่น้ำป่าสัก ประกอบมีปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักไหลเข้าเติม ทำให้น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.หล่มเก่า อ.น้ำหนาว และ อ.หล่มสัก

โดยเฉพาะที่ อ.หล่มเก่า ซึ่งเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมหนักในรอบ 5 ปี มีประชาชนใน ต.ตาดกลอย และ ต.ศิลา ได้รับผลกระทบกว่า 500 ครัวเรือน โดยระดับน้ำท่วมสูงเฉลี่ย 50-80 เซนติเมตร ทำให้บ้านเรือนจำนวนมากจมอยู่ใต้น้ำ ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญได้รับความเสียหายหนัก ถนนทางหลวงหมายเลข 2216 ถูกน้ำกัดเซาะ สะพานท่าไฮย่องซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมหลักถูกน้ำท่วมมิด จนไม่สามารถสัญจรได้ และสถานีตรวจวัดน้ำ S33 ถูกแม่น้ำป่าสักเอ่อท่วมจนจมมิดหลังคา

นายกองตรีพรพงษ์ ไหมแพง ชาญชัยภัครธากูร นายอำเภอหล่มเก่า กล่าวถึงความรุนแรงของสถานการณ์ว่า ได้สั่งการระดมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งในพื้นที่ และทางอาสาสมัครกู้ภัย เพื่อช่วยเหลืออพยพผู้ประสบภัยทั้งเด็ก คนชราและคนเจ็บโดยเร่งด่วน โดยเฉพาะในจุดที่ระดับน้ำท่วมสูง ทางอาสาสมัครกู้ภัยได้สนับสนุนทั้งเรือท้องแบน และกำลังอาสาสมัครเข้าไปลำเลียงผู้ประสบภัยออกมาจากจุดเสี่ยง

ด้านนายพรศักดิ์ กุลเกลี้ยง กำนันตำบลตาดกลอย กล่าวเพิ่มเติมว่า มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมกว่า 200 หลังคาเรือนใน 6 หมู่บ้าน โดยปริมาณน้ำท่วมในครั้งนี้มาเยอะมากและยังไหลเชี่ยวแรงอีก หากไม่มีฝนตกซ้ำสถานการณ์น้ำท่วมก็คงจะเบาบางลง ฝากถึงราษฎรในพื้นล่าง(หล่มสัก) เตรียมรับมือกับน้ำก้อนนี้ด้วย

นอกจากนี้ มีรายงานจากกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (กอปภ.) จังหวัดเพชรบูรณ์ ระบุว่า ปริมาณน้ำฝนสะสมสูงสุดวัดได้ที่ ต.หลักด่าน อ.น้ำหนาว สูงถึง 148.5 มิลลิเมตร, ต.ศิลา อ.หล่มเก่า 131.5 มิลลิเมตร และ ต.หินฮาว อ.หล่มเก่า 113.5 มิลลิเมตร ทำให้หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ บ้านเรือนเสียหายรวม 52 หลังคาเรือน กระจายใน 3 อำเภอ 4 ตำบล 16 หมู่บ้าน หลายหมู่บ้านถูกตัดขาดจากเส้นทางสัญจร ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ทั้งนี้ นายศรันยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอาสาสมัครกู้ภัย ระดมสรรพกำลังและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งเฝ้าระวังสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ผู้สื่อข่าวเพชรบูรณ์ รายงาน