วันที่ 13 ส.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจากชายป่าเชิงเขาพระวิหาร ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า บรรยากาศในวันนี้เต็มไปด้วยความดีใจปนความสะเทือนใจ หลังชาวบ้านที่ต้องอพยพหนีเอาชีวิตรอด จากเหตุปะทะของกองกำลังทหารกัมพูชา เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้กลับมาดูบ้านเรือนและคอกปศุสัตว์ของตนเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ ผู้นำชุมชนประกาศอพยพด่วนให้ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น บ้าน วัว ควาย เครื่องมือทำกิน หนีเอาชีวิตรอดไปก่อน หลังมีลูกกระสุนปืนใหญ่และกระสุนปืนเล็กจากฝั่งกัมพูชา ตกลงในพื้นที่พลเรือนหลายจุด ทำให้หมู่บ้านเงียบร้างเกือบ 3 สัปดาห์

นายสุรชัย สิงห์ทอง เจ้าของคอกปศุสัตว์ เล่าด้วยน้ำเสียงยังสั่นว่า ก่อนเขายิงกัน ผมเลี้ยงวัวควายรวมของเพื่อนบ้านด้วย 16 ตัว พอปะทะกัน เสียงปืนยิงข้ามหัวตลอด ต้องลงหลุมหลบภัย หัวใจแทบหลุดออกมาเลย สุดท้ายต้องอพยพไปตามคำสั่งหัวหน้าหมู่บ้าน วานนี้เพิ่งได้กลับมา เช้านี้นั่งกินข้าวพร้อมหน้ากับวัวควายอีกครั้ง ดีใจที่สุดตั้งแต่หนีออกไป

ด้าน นายยรรยง ตั้งสุข เลขา อบต.เสาธงชัย เปิดเผยว่า สถานการณ์ล่าสุดในรอบสองวันมานี้สงบ ไม่มีเสียงปืนดัง ชาวบ้านทยอยกลับเข้ามาสำรวจความเสียหาย เบื้องต้นพบว่ามีบ้านพังเสียหายจากลูกปืนใหญ่กว่า 48 หลังคาเรือน หลายหลังเสียหายหนักจนแทบใช้การไม่ได้

ขณะเดียวกัน คุณแม่ 5 แผ่นดิน หรือ ยายหน เลิศศรี อายุ 105 ปี ที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2463 เปิดใจพร้อมรอยยิ้มว่า กลัวสิลูก กลัวมาก (หัวเราะเสียงใส) ขอให้มีเงินซื้อหมากมากิน กินข้าวกับปลาปิ้ง แค่นี้ก็พอแล้ว ภาพวันนี้จึงเป็นทั้งน้ำตาและรอยยิ้ม วัวควายได้เจอเจ้าของ เจ้าของได้กอดวัวควาย บ้านบางหลังยังยืนอยู่ บ้านบางหลังหายไป แต่ทุกคนยังมีลมหายใจ และนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด

ผู้สื่อข่าวจังหวัดศรีสะเกษ รายงาน