เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ - Natthaphong Ruengpanyawut โดยระบุว่า
Endgame ระบอบฮุน เซน เปิด 3 แนวรบ จบปัญหาถาวร
ผมติดตามการปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชาตั้งแต่เมื่อคืนนี้ด้วยความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนและทหารแนวหน้าที่ประจำการอยู่ตลอดแนวชายแดน สถานการณ์เช้านี้ได้พัฒนากลายเป็นการปะทะทางทหารตลอดแนวพรมแดนด้านตะวันออก
ผมยืนยันว่าการรบเพื่อปกป้องประชาชนและรับมือภัยคุกคามจากนอกประเทศ เป็นความชอบธรรมของไทยที่จะทำ แต่การรบเพียงอย่างเดียวจะยังไม่สามารถจบปัญหากัมพูชาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ และยังเสี่ยงที่ไทยจะตกหลุมพรางกัมพูชาในสงครามข่าวสาร วันนี้เราเผชิญ Hybrid Warfare การรบที่มีหลายแนว หลายรูปแบบ ไม่ใช่การปะทะด้วยอาวุธที่จะเอาชนะกันด้วยความเหนือกว่าทางกำลังและขีดความสามารถในการรบเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
ผมจึงขอเสนอให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล เปิด 3 แนวรบ ระดมทุกสรรพกำลังเพื่อจบเกมรัฐบาลกัมพูชา ดังนี้
1. แนวรบทางทหาร ซึ่งรัฐบาลได้ประกาสสนับสนุนและกองทัพได้ดำเนินการอยู่แล้ว การรบอย่างเต็มกำลัง โดยมุ่งทำลายเป้าหมายทางทหารเพื่อขจัดขีดความสามารถในการรบของกัมพูชา
2. แนวรบข่าวสาร กระทรวงการต่างประเทศต้องเร่งชี้แจงว่าไทยมีความชอบธรรมในการปกป้องตนเองต่อประชาคมโลก และเราจำกัดขอบเขตโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารอย่างเคร่งครัด ต้องนำเกม อย่าตามเกมกัมพูชาที่รอวันนี้เพื่อรับบทประเทศเล็กกว่าถูกประเทศใหญ่รังแก
3. แนวรบโลกล้อมกัมพูชาด้วยการปราบสแกมเมอร์ รัฐบาลต้องเดินหน้าสุดซอยในการขุดรากถอนโคนขบวนการสแกมเมอร์ ซึ่งเป็นหัวใจของระบอบฮุน เซน อย่าทำแค่จัดประชุมเรื่องปราบสแกมเมอร์ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ธันวาคมนี้ รัฐบาลต้องมีแผนการมากกว่านี้ กระทรวงการต่างประเทศต้องคิดว่าจะประสานความร่วมมือกับแต่ละประเทศอย่างไรในการจัดการสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
ผมมีข้อสังเกตว่า ในการแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรีเรื่องการอายัดทรัพย์เบน สมิธ, ยิม เลียก, ก๊ก อาน, และเฉินจื้อ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา มีรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงนั่งกันเป็นแถวยาว แต่กลับไม่มีตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ แสดงว่าในใจของคุณอนุทิน กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้อยู่ในแนวหน้าเรื่องการปราบสแกมเมอร์เลย ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่ถูกต้อง เพราะหัวใจสำคัญของการปราบสแกมเมอร์ คือต้องเอาโลกล้อมตระกูลฮุน
นอกจากกระทรวงการต่างประเทศต้องเดินหน้าสุดซอยเรื่องใช้โลกล้อมระบอบฮุน เซน ปราบสแกมเมอร์ ป.ป.ง. ก็ต้องสุดซอย เดินหน้าตรวจสอบเส้นเงิน อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ไม่ใช่แค่เบน สมิธ, เฉินจื้อ, ยิม เลียก แต่ต้องขยายผลถึงคนไทยที่เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลัง อย่าตัดตอนแค่ที่ชาวต่างชาติ ต้องไม่สนใจว่าคนไทยที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร มีอิทธิพลทางการเมืองแค่ไหน มิฉะนั้นก็เท่ากับการปราบสแกมเมอร์ เป็นเพียงปาหี่ลูบหน้าปะจมูกเท่านั้น
ผมขอย้ำว่าครั้งนี้คือ Endgame คือโอกาสที่เราจะจบปัญหาความมั่นคงที่ชายแดนฝั่งตะวันออกของไทยอย่างถาวร จัดการระบอบฮุน เซน ที่เป็นภัยคุกคามต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ทำให้ทหารไทยต้องสูญเสียชีวิตและอวัยวะมาหลายครั้ง รัฐบาลต้องอย่าให้ทหารรบอยู่แนวเดียว ทุกองคาพยพต้องระดมสรรพกำลังเพื่อจัดการกัมพูชาอย่างเป็นระบบ เพื่อความผาสุกของพี่น้องประชาชนและความมั่นคงของประเทศชาติ
สุดท้ายนี้ ผมขอส่งความห่วงใยไปยังพี่น้องประชาชนที่ต้องเดือดร้อนอพยพหนีภัยการสู้รบตลอดแนวชายแดน และขอส่งกำลังใจให้กับทหารที่หน้าแนวทุกนาย หวังว่าทุกท่านจะปลอดภัยและได้กลับบ้านไปหาคนที่รักในเร็ววัน