ธนเดช เปิดผังบริษัทเอกชน ได้รับโควตาหวยองค์การทหารผ่านศึก พบจัดตั้ง-เซ็นสัญญาวันเดียวกัน ชี้กว่า 200 ล้านบาทต่อปี ไม่ตกถึงมือทหารผ่านศึกตัวจริง
ข่าวการเมือง

ธนเดช เปิดผังบริษัทเอกชน ได้รับโควตาหวยองค์การทหารผ่านศึก พบจัดตั้ง-เซ็นสัญญาวันเดียวกัน ชี้กว่า 200 ล้านบาทต่อปี ไม่ตกถึงมือทหารผ่านศึกตัวจริง

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 ที่รัฐสภา ธนเดช เพ็งสุข สส.กรุงเทพฯ (ลาดพร้าว-บึงกุ่ม) พร้อมด้วย กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคประชาชน แถลงข่าวเปิดผังบริษัทที่ได้รับจัดสรรโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผส.) พบความไม่ชอบมาพากล พร้อมตั้งคำถามถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยธนเดชกล่าวว่า เป็นเวลาหนึ่งเดือนที่ติดตามเรื่องโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลของ 2 ภาคส่วน คือ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และ สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย วันนี้จะชี้แจงหลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่

ในส่วน อผศ. มีโควตาสลากกินแบ่งฯ ทั้งสิ้น 10,988 เล่มต่องวดหรือรวมแล้วเฉลี่ย 52 ล้านใบต่อปี คิดเป็นเงินมูลค่ามหาศาล โดยเงินปันผลถึงมือทหารผ่านศึกกว่า 2,800 นาย เพียงคนละ 13,700 บาทต่อปี ซึ่งถือเป็นราคาที่ต่ำมาก ทหารผ่านศึกหนึ่งนายจะได้รายได้จากสลากอยู่ที่ 2.10 บาท และจากการหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึง ผอ.อผศ. คนใหม่ ทำให้ได้ทราบข้อเท็จจริงมากขึ้นคือการจำหน่ายสลากกินแบ่งฯ ให้กับผู้ค้าร่วมในราคาต้นทุน

พร้อมกันนี้ ธนเดชได้ยกแผนผังขึ้นอธิบายว่า อผศ. ได้ดำเนินการแบ่งสลากกินแบ่งฯ เป็น 2 ส่วน (1) แบ่งให้สมาคมทหารผ่านศึกพิการแห่งประเทศไทย 4,235 เล่มต่องวด โดยทางนายกสมาคมฯ ชี้แจงด้วยวาจาว่าขายให้ผู้ค้าร่วมในรูปแบบนิติบุคคล แต่จำไม่ได้ว่าขายให้ใคร แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ทุนเขาแน่นอน (2) แบ่งให้ อผศ. จัดจำหน่ายโดยสำนักงานสลากกินแบ่งและบุหรี่ 6,735 เล่มต่องวด ทั้งนี้ ต้นทุนสลากกินแบ่งฯ อยู่ที่ 68.80 บาท ทั้งสมาคมทหารผ่านศึกพิการแห่งประเทศไทยและ อผศ. 2 ได้จำหน่ายให้ภาคเอกชนในราคา 70.40 บาท เท่ากับจะได้เงินอยู่ที่ 1.60 บาทต่อใบ โดยตามสัญญาไม่มีการบังคับให้ผู้ค้าต้องบริจาคกลับมา เขียนเพียงว่าให้ยึดถือคำมั่น

เมื่อเป็นเช่นนี้ หากเราตีราคาลอตเตอรี่ที่ 80 บาทและหากเอกชนที่ได้รับสลากไม่มีการบริจาคเงินกลับมา มูลค่าความเสียหายต่อหนึ่งใบจะอยู่ที่ 9.60 บาท ทหารผ่านศึกจะถูกสูบเลือดสูบเนื้อจากภาคเอกชนเหล่านี้ไปทั้งสิ้นกว่า 10 ล้านบาทต่องวด หรือคิดเป็นกว่า 253 ล้านบาทต่อปี เป็นเงินมหาศาลที่ไม่เคยถึงมือพี่น้องทหารผ่านศึก แม้จากคำบอกเล่าของ ผอ.อผศ. คนปัจจุบันที่บอกว่าในอดีตมีการขอความร่วมมือในการรับบริจาคจากผู้ค้าร่วมที่ใบละ 4.60 บาท แม้เป็นเช่นนั้นก็ยังมีมูลค่าความเสียหายอยู่ดี คือเสียประโยชน์ไปใบละ 5 บาทคิดเป็นหนึ่งปีเสียหาย 131 ล้านบาท

เงินเหล่านี้คือสิ่งที่พวกเราพรรคประชาชนกำลังตั้งคำถามว่า เหตุใดถึงไม่ตกมาที่ทหารผ่านศึกตัวจริง เอกชนเหล่านี้เอาอำนาจมาจากไหนในการทำให้องค์การทหารผ่านศึกขายสลากให้ในราคานี้ ทั้งที่เงินเหล่านี้สามารถแปลงเป็นขวัญกำลังใจแก่กำลังพลและครอบครัวได้อย่างมหาศาล การที่เขาออกไปรบ ต้องเสียแขนขา แต่ความเสียสละของเขากลับถูกคนบางกลุ่มมาหากิน

ธนเดช กล่าวต่อว่า จากการพิจารณาเอกสารสัญญา พบว่า อผศ. มีคู่สัญญาทั้งสิ้นประมาณ 10 คู่สัญญา หรืออาจมากกว่านี้ เราพบว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัดเหล่านี้จดทะเบียนจัดตั้งในห้วงเวลาเดียวกันเกือบทั้งหมดคือในวันที่ 26 ตุลาคม 2566 และได้เซ็นสัญญากับ อผศ. ทันทีในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 เป็นความบังเอิญที่น่าตั้งคำถามว่าเหตุใดบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ถึงมารองรับการเซ็นสัญญารอบใหม่ได้อย่างทันท่วงที บริษัทเหล่านี้เป็นของกลุ่มทุนใดหรือมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่

หลังจากนี้ ต้องติดตามต่อว่าหลังจาก ผอ.อผศ.คนใหม่ รับปากกับพวกเราด้วยวาจาว่าจะจัดระเบียบการเซ็นสัญญาสลากกินแบ่งฯ รอบใหม่ให้บริสุทธิ์ยุติธรรม รวมถึงคำนึงถึงประโยชน์ของทหารผ่านศึกเป็นที่ตั้ง จะเป็นอย่างไร ซึ่งการเซ็นสัญญารอบใหม่จะเกิดในเดือนธันวาคมนี้ พวกตนจะติดตามเรื่องนี้ต่อไป เพื่อไม่ให้ใครมาขูดเลือดของพี่น้องทหารผ่านศึกอีกต่อไป

ธนเดชน กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นผู้พิการ เป็นที่ทราบกันดีว่าโควตาลอตเตอรี่จำนวนมหาศาลถูกจัดสรรประโยชน์ให้กว่า 866 สมาคม หลายสมาคมถูกตั้งขึ้นมาโดยวัตถุประสงค์อ้างอิงเพื่อคนพิการ แต่คนพิการกลับไม่เคยได้รับสลากจริงๆ แต่ถูกแอบอ้างชื่อ ถูกหลอกว่าสมาคมเหล่านี้จะเข้ามาช่วยเหลือ ตนขอยกตัวอย่างสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย พบความผิดปกติดังต่อไปนี้

(1) ชื่อนายกสมาคมและอุปนายก ทั้ง 2 คน ล้วนเคยมีชื่อเป็นผู้บริหารสมาคมทั้งในอดีตและปัจจุบันที่ได้รับสลากอีกประมาณ 5 สมาคม และทุกสมาคมใช้ที่ตั้งที่เดียวกัน (2) สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทยเคยได้โควตาสลากกินแบ่งอยู่ที่ 2,600 กว่าเล่ม ปัจจุบันเข้าสู่ระบบโควตาดิจิทัล เพิ่มมาเป็นประมาณ 3,200 เล่ม โดยมีสมาชิก 2 ประเภท คือ สมาชิกสามัญ 91 คน ประกอบด้วยกรรมการและสมาชิกสมาคมที่มีความบกพร่องทางสายตา แต่ไม่เพียงเท่านั้น เขายังตั้งอีกกลุ่มหนึ่งขึ้นมาคือ สมาชิกผู้รับสลาก 157 คน เมื่อดูรายละเอียดพบว่ามีคนปกติ 61 คน คนนามสกุลซ้ำกันถึง 17 ครอบครัว และมีคนตาบอดเพียง 5 คน จากทั้งหมด 157 คน (3) มีบริษัทที่มีชื่อและนามสกุลเดียวกันกับกรรมการสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย

จึงต้องตั้งคำถามว่า สรุปแล้วความตั้งใจของสมาคมนี้คือการรวบโควตามาขายหรือไม่ มีการใช้นอมินีและการให้ค่าตอบแทนจากการเป็นนอมินีหรือไม่ กองสลากต้องดำเนินการตรวจวินัยของสมาคมหรือมูลนิธิเหล่านี้ให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น

ในช่วงที่มีสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทหารของเราได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต หลายคนเป็นนายทหารชั้นประทวนและเป็นพลทหาร มีจิตใจอยากออกไปปกป้องประเทศ ทุกภาคส่วนพร้อมสนับสนุนกำลังพลเหล่านี้ในการทำหน้าที่ แต่ไม่มีใครกลับมาดูว่าหลังจากพวกเขาปฎิบัติหน้าที่แล้ว มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร

ในฐานะที่ผมจบเตรียมทหารและโรงเรียนนายเรืออากาศ ทราบดีว่าความทุกข์ใจของพี่น้องทหารเป็นอย่างไร เชื่อมั่นว่าพวกเขาพร้อมรบ แต่พวกเขาไม่เคยเชื่อเลยว่าหลังจากรบแล้ว จะได้รับการดูแลจริงหรือเปล่า ผมไม่อยากให้ความสูญเสียและการบาดเจ็บของพวกเขา กลายเป็นกระแสของการทำความดีในห้วงเวลาหนึ่ง แต่อยากให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกซึ่งมีหน้าที่หลักในการดูแลบุคลากรเหล่านี้ ทำหน้าที่ให้พวกเขามั่นใจยิ่งขึ้นว่าไม่ว่าในสถานการณ์รบ จะบาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือสูญเสียขวัญแค่ไหน เมื่อพวกเขาผ่านสนามรบมาแล้ว องค์การนี้จะทำหน้าที่ในการดูแลเขาและครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ

ธนเดช ทิ้งท้ายด้วยว่า ความปรารถนาเดียวของเราคืออยากให้ อผศ. มีความจริงใจ ธุรกิจค้าสลากเป็นเพียง 1 จากทั้งหมด 7 ธุรกิจขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเท่านั้น และยืนยันว่าตนจะติดตามต่อในธุรกิจอื่นแน่นอน จะไม่ยอมให้ใครมาหากินบนเลือดของพี่น้องทหารอีกต่อไป

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน