เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568& เพจเฟซบุ๊ก AEC อาเซียน News รายงานว่า AEC TBC ไทยประท้วง เมียนมา หลังเหตุระเบิดอาคาร เคเคปาร์ค มีสะเก็ดเหล็ก-ปูน ข้ามฟากตก ฝั่งไทย สร้างความเสียหายบ้านเรือนฝั่งไทย 4 จุด

เกิดเหตุระเบิดรุนแรงขึ้นภายในพื้นที่ เคเคปาร์ค เขตเศรษฐกิจพิเศษจีน เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้ามบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก สร้างแรงสั่นสะเทือนจนสะเก็ดเหล็กและปูนปลิวข้ามมายังฝั่งไทย สร้างความเสียหายให้บ้านเรือนประชาชน 4 หลัง โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเปิดเผยว่า เหตุระเบิดภายใน เคเคปาร์ค น่าจะเป็นการ สร้างสถานการณ์ ระหว่าง กองกำลังกะเหรี่ยง BGF (Karen Border Guard Force) และ กองทัพเมียนมา เพื่อแสดงให้รัฐบาลเห็นว่ามีการปราบปรามเครือข่าย สแกมเซ็นเตอร์ อย่างจริงจัง หลังถูกกดดันจากหลายประเทศ

เคเคปาร์ค ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานปฏิบัติการใหญ่ของแก๊งสแกมเมอร์จีนและชาติอื่นๆ เคยถูกระเบิดทำลายไปแล้วครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ โดยฝ่ายไทยได้ทำหนังสือประท้วงไปยังเมียนมาแล้ว เนื่องจากแรงระเบิดได้สร้างความเสียหายข้ามพรมแดน

จากเหตุการณ์ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมาส่วนท้องถิ่น (Township Border Committee TBC) แม่สอด-เมียวดี ได้ส่งหนังสือประท้วงไปยังทหารเมียนมาอีกครั้ง เพื่อขอให้ระมัดระวังการปฏิบัติภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษจีน เคเคปาร์ค ไม่ให้กระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนไทย

ศูนย์สั่งการชายแดน ไทย-เมียนมา จังหวัดตาก ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นอยู่ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 500 เมตร แม้แรงระเบิดส่งผลกระทบบางส่วนต่อพื้นที่ฝั่งไทย แต่ ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทั้งนี้ หน่วยเฉพาะกิจราชมนูและกองกำลังนเรศวร ได้เพิ่มการลาดตระเวนตามแนวชายแดน พร้อมจัดกำลังเคลื่อนที่เร็ว และตั้งจุดยิงสนับสนุนตามแผนเผชิญเหตุ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดนอย่างใกล้ชิด

ในแถลงการณ์เดียวกัน ยังระบุว่า กองทัพอากาศไทย ได้จัดกำลังเฝ้าระวังทางอากาศอย่างต่อเนื่อง และพร้อมขึ้นบินลาดตระเวนทันที หากตรวจพบอากาศยานรุกล้ำน่านฟ้าไทย เพื่อป้องกันผลกระทบด้านความมั่นคง

ต่อมา พล.ท.วรเทพ บุญญะ แม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.ท.กิตติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6 และ นายสวนิต สุริยกุล ณ อยุธยา รองผู้ว่าฯ รักษาการ ผวจ.ตาก ได้เดินทางลงพื้นที่ชายแดน ตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจราชมนู และร่วมประชุมกับฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และตรวจคนเข้าเมือง ทั้งนี้ คณะดังกล่าวยังได้พบกับ เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย เพื่อหารือแนวทางร่วมกันป้องกันการค้ามนุษย์ หลังพบว่าชาวอินเดียจำนวนมากตกเป็นเหยื่อหลอกลวงจากแก๊งสแกมเมอร์ฝั่งเมียนมา

พล.ท.วรเทพ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้จัดเตรียมแผนรองรับหากมีชาวเมียนมาหลบหนีเข้ามาฝั่งไทยจากการปราบปรามในฝั่งเมียวดี โดยมีพื้นที่พักคอยไว้แล้ว 2 แห่ง และอยู่ระหว่างหารือหน่วยเหนือเรื่องงบประมาณสำหรับดูแลผู้หลบหนีชั่วคราว

แม่ทัพภาคที่ 3 ย้ำว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เป็นการทำลายภายในพื้นที่ของเมียนมาเอง ห่างจากชายแดนประมาณ 0.5 กิโลเมตร ไม่ใช่การใช้โดรนทิ้งระเบิดข้ามพรมแดนแต่อย่างใด

กองทัพภาคที่ 3 และศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดตาก ยังคงเข้มมาตรการ 3 ตัด คือ ตัดเส้นทางลำเลียง-ตัดช่องทางเข้าออก-ตัดเครือข่ายสนับสนุน พร้อมตรวจคัดกรองแรงงานต่างด้าวจาก 5 อำเภอชายแดน ปัจจุบันพบต่างชาติรวม 28 สัญชาติ จำนวนกว่า 1,280 คน

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยยืนยันจะรักษาความสัมพันธ์กับเมียนมาในระดับพื้นที่ ผ่านกลไกคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (TBC) และคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุลักษณะนี้ลุกลามกระทบต่อประชาชนและความมั่นคงของประเทศ