เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 2 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ (ปช.) พร้อมคณะ แถลงข่าวถึงการติดตามปัญหาที่ดินเขากระโดง โดยระบุว่าพรรคประชาชาติได้ติดตามประเด็นนี้มาตั้งแต่สภาชุดที่ผ่านมา ซึ่งมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และจับตาดูท่าทีของรัฐบาลชุดใหม่หลังการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งทั้งสองกระทรวงมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการดูแลที่ดินเขากระโดง เนื่องจากกรมที่ดินอยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงมหาดไทย ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงคมนาคม
นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า หลังการแถลงนโยบายรัฐบาล มีกระแสข่าวว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยจะดำเนินการฟ้องร้องผู้บุกรุกที่ดินเป็นรายบุคคล ขณะที่อธิบดีกรมที่ดินก็ระบุว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ซึ่งท่าทีดังกล่าวทำให้เห็นว่าการแก้ไขปัญหาที่ดินเขากระโดงอาจยืดเยื้อออกไปโดยไม่มีกำหนดสิ้นสุด ทั้งที่ตามหลักแล้วควรยึดคำพิพากษาศาลปกครองกลางเป็นหลักในการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ แต่กลับเลือกใช้วิธีการฟ้องร้องรายบุคคล ซึ่งอาจถูกมองได้ว่าเป็นการประวิงเวลา หรืออาจเข้าข่ายสมรู้ร่วมกันระหว่างการรถไฟฯ กับกรมที่ดิน
ในชั้นศาลมีข้อเท็จจริงและคำพิพากษาชัดเจนแล้ว กรมที่ดินสามารถดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ตามคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอให้การรถไฟฯ ฟ้องร้องเป็นรายๆ ซึ่งอาจกินเวลาหลายปี นายกมลศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ นายกมลศักดิ์ย้ำว่า หากยังคงดำเนินการในแนวทางดังกล่าว อาจถือเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของคำพิพากษาและละเมิดหลักนิติธรรม ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและเพื่อประโยชน์ของประชาชน จึงขอเรียกร้องให้อธิบดีกรมที่ดินทบทวนแนวทางและดำเนินการเพิกถอนสิทธิ์โดยตรง ไม่จำเป็นต้องรอคำพิพากษาจากการฟ้องร้องรายบุคคล
เมื่อมีการสอบถามว่า กังวลต่ออำนาจรัฐหรือไม่ นายกมลศักดิ์ตอบว่า สิ่งที่พรรคกำลังติดตามอยู่ก็เพราะมีความรู้สึกว่าการปฏิบัติของหน่วยงานรัฐอาจไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและคำพิพากษาที่เกิดขึ้นก่อนหน้าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ พร้อมทิ้งท้ายว่า หากการดำเนินการยังไม่เป็นไปตามกฎหมาย อาจนำไปสู่การร้องเรียนหรือการดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้