นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยถึงสถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าขณะนี้เรื่องดังกล่าวได้ถูกยกระดับจากระดับจังหวัดไปสู่ระดับชาติแล้ว และจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อตามแนวทาง Top-Down หรือการตัดสินใจจากระดับนโยบายลงมา

นายปริญญา ระบุว่าหลังจากวันที่ 10 ก็จะเป็นเรื่องของกลไกการพูดคุยในระดับทวิภาคี (GBC) ระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของไทย คือ พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ และรัฐมนตรีของกัมพูชา ส่วนตนในฐานะผู้ว่าฯ จังหวัดจะไม่ขอเจรจากับผู้ว่าฯ ฝั่งกัมพูชาอีกต่อไปแล้ว

ในระหว่างนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังพื้นที่อย่างเข้มงวด และได้เตรียมแผนปฏิบัติการไว้พร้อม โดยหากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น จะมีการใช้กำลังชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) และบังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย

ผู้ว่าฯ สระแก้วยังได้กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาขู่ปิดด่านเป็นเวลา 10 ปี โดยระบุว่าเป็นเรื่องของฝั่งกัมพูชา ไม่ใช่เรื่องของไทย พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนคนไทยให้ร่วมกันแสดงพลังความสามัคคี อย่าทะเลาะกันเอง และขอเน้นย้ำให้ระมัดระวังการเผยแพร่ข้อมูลที่ตั้งของฐานปฏิบัติการ อาวุธยุทโธปกรณ์ และกำลังพลบนสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชามีการตั้ง War Room เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของไทยตลอดเวลา

ด้าน พ.อ.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ได้ขอให้สื่อมวลชนและผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียงดเผยแพร่ภาพพิกัดและการเคลื่อนย้ายกำลังพลเช่นกัน เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามใช้ช่องทางนี้ในการติดตามความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ไทย โดยยืนยันว่าทหารมีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจตลอดเวลา และจะดำเนินการตามสถานการณ์ที่เหมาะสมอย่างแน่นอน