ย้อนเส้นทางการเมือง ทักษิณ ชินวัตร จากยุครุ่งเรือง สู่วันสิ้นอิสรภาพ
ข่าวการเมือง

ย้อนเส้นทางการเมือง ทักษิณ ชินวัตร จากยุครุ่งเรือง สู่วันสิ้นอิสรภาพ

เรียกได้ว่าไม่ว่ากระแสการเมืองไทยจะพลิกผันไปกี่ครั้ง หรือจะต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตการเมืองรูปแบบใด แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยถูกสั่นคลอนคือ หัวใจที่รักในเส้นทางการเมือง ของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร

วันนี้ทีมงานสยามนิวส์จะพาย้อนเส้นทางการเมืองของนายทักษิณ ตั้งแต่ก้าวแรกก่อนขึ้นสู่จุดสูงสุดของอำนาจ ผ่านยุครุ่งเรืองที่สร้างปรากฏการณ์ทางการเมืองไทย สู่ช่วงพลัดถิ่นที่ต้องอยู่นอกประเทศยาวนานหลายสิบปี ก่อนหวนคืนสู่บ้านเกิดอีกครั้ง พร้อมเผชิญชะตากรรมยุค ผูกขา ผิดตัวผิดฝา ที่นำไปสู่การสิ้นอิสรภาพ

ยุคเริ่มต้น ก่อนปี 2544

ก้าวแรกในแวดวงการเมือง คือการนั่งเก้าอี้ รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาลชวน 1

รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังธรรม ต่อจาก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

ไม่ยอมถอย หันไปสร้างพรรคใหม่ ไทยรักไทย

อาศัยจังหวะรัฐธรรมนูญปี 2540 และนโยบายโดนใจ จนสามารถชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

ยุครุ่งเรือง ถึงการถูกพลัดถิ่น

ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 และเป็นผู้นำจากการเลือกตั้งคนแรกที่อยู่ครบวาระ 4 ปี

พรรคไทยรักไทยและพรรคเครือข่าย กวาดชัยชนะเลือกตั้งใหญ่ 5 ครั้ง รวมถึง แลนด์สไลด์ 2 ครั้ง

แต่ในที่สุดถูกรัฐประหาร ถูกยึดอำนาจ และต้องหนีออกนอกประเทศนานถึง 17 ปี

แม้จะอยู่ต่างแดน แต่ทักษิณไม่เคยหายไปจากเวทีการเมืองไทย ยังคงมีบทบาทและสร้างกระแสอยู่เสมอ

ยุคคืนรัง (2566)

วันที่ 22 สิงหาคม 2566 ทักษิณหวนกลับประเทศไทยอย่างเหนือความคาดหมาย

เป็นจังหวะเดียวกับที่พรรคเพื่อไทย แม้จะได้อันดับ 2 แต่สามารถจัดตั้งรัฐบาล โดยจับมือกับพรรคต่างขั้ว

เศรษฐา ทวีสิน ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยแรงหนุนจากวุฒิสภาฝ่ายตรงข้าม

สังคมไทยเชื่อว่ามี ดีลลับ อยู่เบื้องหลัง

ทักษิณถูกศาลสั่งจำคุก 8 ปี จากคดีเก่าที่ตัดสินลับหลัง แต่กลับไม่เคยติดคุกจริงเลยแม้แต่วันเดียว

ภาพลักษณ์ คนพิเศษ ที่ได้รับ ดีลพิเศษ ยิ่งตอกย้ำว่าเขายังมีอิทธิพลทางการเมือง และถูกมองว่าเป็นกำแพงเดียวที่สกัดพลังพรรคสีส้ม

ยุคผูกขา ผิดฝา และสิ้นอิสรภาพ

ช่วงแรกหลังกลับมา อยู่โรงพยาบาลตำรวจนาน 180 วัน ก่อนจะได้พักโทษกลับบ้าน โดยไม่เคยนอนเรือนจำจริง

เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเต็มรูปแบบ เดินสายปราศรัยทั่วประเทศ ฟื้นฐานเสียงเพื่อไทย และประกาศ พาน้องกลับบ้าน

ใช้สนามเลือกตั้ง อบจ. เป็นเวทีโชว์พลัง แต่ผลไม่เป็นตามหวัง จาก 16 จังหวัดที่ส่งผู้สมัคร ชนะเพียง 10 แพ้แม้กระทั่งพื้นที่ฐานเสียงสำคัญอย่างลำพูน และเชียงใหม่ก็ไม่ชนะถล่มทลาย

ขณะเดียวกัน ทักษิณเริ่มถูกผูกพันด้วยคดีใหม่ โดยเฉพาะมาตรา 112 และ คดีชั้น 14

นโยบายประชานิยมสไตล์ ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ไม่สำเร็จเลยแม้แต่นโยบายเดียว ไม่ว่าจะเป็น แจกเงินหมื่น ค่าแรง 600 ปริญญาตรี 25,000 หรือรถไฟฟ้า 20 บาท

ปัญหาไฟใต้ที่เรื้อรังมาตั้งแต่ยุคทักษิณเอง ยังคงยืดเยื้อ ทั้งที่เจ้าตัวลงพื้นที่เองในรอบ 20 ปี พร้อมอ้างความสนิทกับ อันวาร์ อิบราฮิม แต่ก็ไร้ผล

ขณะที่ปัญหาความสัมพันธ์กับกัมพูชากลายเป็นจุดตาย ภาพใกล้ชิด ฮุนเซน ทำให้ถูกคนไทยจำนวนไม่น้อยตั้งข้อสงสัยและเสื่อมศรัทธา

สิ้นอิสรภาพ แต่ยังมีโอกาส

ท้ายที่สุด คดีชั้น 14 ทำให้ทักษิณไม่อาจหลีกเลี่ยงการติดคุกได้

ทว่าการเดินเข้าคุกครั้งนี้ กลับถูกใช้สร้างภาพลักษณ์ นักสู้ผู้ไม่หวั่นคุก และ สุภาพบุรุษการเมือง

อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในการฟื้นศรัทธา ทั้งต่อตัวทักษิณ ตระกูลชินวัตร และพรรคเพื่อไทย