วันที่ 3 ก.ย. 2568 ดร.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา เปิดใจกับ สำนักข่าวชื่อดัง หลังทราบข่าวว่า พรรคประชาชนมีมติสนับสนุนการโหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ระบุว่า พรรคการเมืองต่างๆ ล้วนมาจากการเลือกตั้งของประชาชน พรรคประชาชนได้รับการสนับสนุนจากประชาชนกว่า 14 ล้านเสียง ขณะที่พรรคภูมิใจไทยได้เพียง 1 ล้านเสียง การนำคะแนนเสียงมหาศาล 14 ล้านเสียง ไปสนับสนุนพรรคที่ได้เพียง 1 ล้านเสียง จึงถือเป็นการสวนทางกับความต้องการของประชาชนที่เลือกพรรคประชาชน (อดีตก้าวไกล) เพื่อให้เข้ามาบริหารประเทศ ไม่ใช่เพื่อต่อยอดอำนาจให้พรรคภูมิใจไทย
การอ้างว่าจะใช้เวลา 4 เดือน ในการผ่าทางตันประเทศ หรือเพื่อแก้ปัญหาประเทศ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจหรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ เพราะแม้รัฐบาลที่มีเวลาบริหาร 4 ปี ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ทั้งหมด ขณะที่กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญต้องผ่านการทำประชามติและตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ซึ่งใช้เวลานานกว่า 4 เดือนแน่นอน
สิ่งที่อาจเกิดขึ้นจริงภายใน 4 เดือน กลับเป็นการ พลิกคดีสำคัญ เช่น คดีฮั้ว ส.ว. และคดีเขากระโดง หากมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรมหรือมหาดไทย อาจทำให้ทิศทางของคดีเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนกังวลอย่างมาก ส่วนข้ออ้างที่ว่าหากไม่เลือกแนวทางนี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยอาจกลับมาจับมือกันอีกครั้งนั้น เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะในที่สุดพรรคประชาชนก็ต้องเลือกสนับสนุนหนึ่งในสองพรรคนี้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม การไม่เห็นด้วยกับการที่พรรคประชาชนไปสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยนั้น มาจากการต่อสู้คดีฮั้ว ส.ว. ที่ผ่านมา ซึ่งประชาชนและสังคมจับตาอย่างใกล้ชิด ขณะนี้คดีอยู่ในความดูแลของ DSI และติดค้างอยู่ที่ กกต. แม้ยังไม่ยื่นฟ้อง แต่ก็มีสำนวนหลายส่วนที่เดินหน้าแล้ว หากสนับสนุนนายอนุทินขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่ยังไม่ชัดเจนว่ามีความเชื่อมโยงกับเสียงข้างมากในวุฒิสภาหรือไม่ ย่อมสร้างความกังวลใจให้กับสังคมถึงความเป็นไปได้ในการพลิกคดี ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นของประชาชน