เรื่องที่ไม่มีใครรู้ ต่าย อรทัย เปิดใจเล่าทั้งน้ำตา เส้นทางสู่การเป็นนักร้อง
ข่าวบันเทิง

เรื่องที่ไม่มีใครรู้ ต่าย อรทัย เปิดใจเล่าทั้งน้ำตา เส้นทางสู่การเป็นนักร้อง

ต่าย อรทัย ศิลปินลูกทุ่งชื่อดัง เปิดใจเล่าเส้นทางชีวิตและการทำงานในวงการเพลง ผ่านรายการ เบิ้ล AM ว่าเธอเกิดและเติบโตที่บ้านคุ้มแสนชะนี ตำบลพรสวรรค์ อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี บ้านติดชายแดนไทย-กัมพูชา ความรักในการร้องเพลงเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเรียนประถมปลาย โดยคุณครูมักเชิญให้ขึ้นมาร้องเพลงในกิจกรรมของโรงเรียน แม้จะเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง แต่เธอกลับมั่นใจที่สุดเมื่อได้ร้องเพลง

ภาพจากรายการ เบิ้ล AM

ในช่วงวัยเด็กต่ายไม่ค่อยมีโอกาสประกวดร้องเพลง เนื่องจากบ้านอยู่ไกลในพื้นที่ชายแดน เวทีประกวดส่วนใหญ่อยู่ในเมือง ต้องรอวันหยุดถึงจะมีโอกาสเข้าร่วม เริ่มได้ประกวดจริงจังสมัยมัธยมต้น จากการเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งขัน แต่ก็แพ้ตลอดจนถึงครั้งที่สามในชั้น ม.6 จึงชนะเป็นครั้งแรก และในเวทีประกวดนี้เองเธอได้พบกับศิลปินรุ่นพี่ ดอกอ้อ ทุ่งทอง

ต่อมาต่ายเผยว่า ศิลปินต้นแบบที่ทำให้เธออยากเป็นนักร้อง คือ แม่ฮันนี่ ศรีอีสาน เจ้าของเพลง น้ำตาหล่นบนที่นอน รวมถึงพี่จินตรา และพี่นาง ศิริพร ที่มีเพลงดังติดหูมาตั้งแต่เด็ก ความฝันเริ่มชัดเจนขึ้นจนในปลายปี 2544 เธอได้เข้าเป็นศิลปินฝึกหัดในค่ายแกรมมี่ ก่อนจะเปิดตัวด้วยอัลบั้ม ดอกหญ้าในป่าปูน ในปี 2546 ซึ่งสร้างกระแสโด่งดัง แม้ในตอนแรกจะไม่มีใครบอกได้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่เธอมุ่งมั่นทำงานแม้จะยังไม่มีรายได้ ต้องอาศัยการสนับสนุนจากผู้จัดการและค่ายเพลง

ภาพจากรายการ เบิ้ล AM

อย่างไรก็ตาม การทำงานหนักและการทัวร์คอนเสิร์ตต่อเนื่องหลายปี ส่งผลกระทบต่อสุขภาพย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงอัลบั้มชุดที่ 5 และ 6 ต่ายยอมรับว่าพลังกายและใจเริ่มถดถอย จนพี่นาง ศิริพร เคยเตือนว่าเสียงเธอฟังดู บ่ม่วน (ไม่ไพเราะ) และขาดความสุขในการร้องเพลง สุดท้ายต้องแอดมิตเข้าโรงพยาบาลจากการทัวร์คอนเสิร์ตถี่ยิบ เหตุการณ์นั้นทำให้เธอตัดสินใจปรับตารางงาน พักผ่อนให้เพียงพอ และดูแลสุขภาพมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ต่ายได้เล่าถึงชีวิตก่อนเป็นนักร้องว่า หลังเรียนจบเพียง ม.6 เธอตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำงานโรงงาน เนื่องจากไม่สามารถเรียนต่อในเมืองอุบลฯ ได้ ช่วงเวลานั้นทำให้เข้าใจความยากลำบากของแรงงาน และกลายเป็นแรงบันดาลใจเมื่อต้องไปจัดกิจกรรมในโรงงานต่าง ๆ เธอยอมรับว่าหากวันนั้นไม่ได้เป็นนักร้อง อาจยังคงเป็นสาวโรงงาน แต่งงานและมีครอบครัวอยู่ที่บ้านเกิด

ภาพจากรายการ เบิ้ล AM

ในเรื่องความรัก ต่ายเผยว่า ปัจจุบันไม่มีแฟนและไม่ได้รีบร้อน แม้ในอดีตจะเคยมีความรักแต่ก็เลิกรากันไปหลายปีแล้ว โดยไม่เคยเปิดเผยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เพราะเธอไม่ใช่คนที่จะพูดเรื่องส่วนตัวในที่สาธารณะ

ส่วนสิ่งสำคัญที่ทำให้ต่ายมีวันนี้ คือ คุณยาย ผู้เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่อายุ 11-12 ปี หลังพ่อแม่แยกทางกัน แม้จะขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ แต่ยาย ป้า ลุง และญาติ ๆ คอยโอบอุ้มและหล่อหลอมให้เธอไม่หลุดจากเส้นทางที่ดี เธอยอมรับว่าทุกครั้งที่พูดถึงยายจะน้ำตาซึม เพราะยายอยู่เคียงข้างตลอดจนวันสุดท้าย

ทั้งนี้ ต่าย อรทัย ทิ้งท้ายว่า การที่เธออยู่ในวงการบันเทิงได้ยาวนานไม่ใช่เพราะตัวเองเพียงคนเดียว แต่เกิดจากโอกาสที่ได้รับ ทีมงาน ครูบาอาจารย์ แฟนเพลง และทุกคนที่สนับสนุน เธอขอบคุณทุกคำแนะนำ ทั้งคำติและคำชมที่ช่วยให้เธอยังมีแรงก้าวเดินบนเส้นทางนี้ต่อไป

เรียบเรียงโดยทีมข่าวสยามนิวส์