นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า วันที่ 22 ธ.ค. 2568 ทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะหารือกับผู้ค้าทองคำที่นำเข้า-ส่งออก และทำธุรกรรมซื้อขายทองทางแพลตฟอร์มออนไลน์ จำนวน 14 ราย เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าว่าจะมีแนวทางหรือมาตรการป้องกันอะไรได้บ้าง อย่างไรก็ดีเท่าที่ทราบ ทางธปท.จะมีมาตรการให้ผู้ค้าทองรายงานรายละเอียดการซื้อขายทองคำมากขึ้นจากปัจจุบันที่มีการรายงานเป็นปกติอยู่แล้ว เนื่องจากทุกครั้งที่มีการซื้อขายทองคำก็ต้องดำเนินการผ่านทางธนาคาร ส่วนแนวทางที่จะออกมาจะเป็นในรูปแบบไหนและจะถึงขั้นจำกัดปริมาณการซื้อขายหรือไม่นั้น คงต้องรอดูผลการประชุมก่อน

ในช่วงที่ผ่านมาการซื้อขายทองคำถือว่าเป็นปกติ แม้ว่าราคาจะมีความผันผวนค่อนข้างมาก็ตาม แต่การซื้อขายล่วงหน้าผ่านการทำธุรกรรมออนไลน์อาจจะมาก เพราะมีการซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นกันค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา ทางแบงก์ชาติจึงอยากเข้ามาดูแลในส่วนนี้มากขึ้น เพื่อดูแลเงินบาทที่แข็งค่า ส่วนต่อไปจะต้องรายงานผ่านอะไรเพิ่มเติมบ้างนั้นคงต้องรอฟังแนวทางที่ออกมาก่อน
นายจิตติ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ราคาทองคำในปี 2568 ถือว่าเป็นปีที่ราคาขึ้นลงแรงมากเป็นประวัติศาสตร์ ทั้งปีมีการปรับราคารวม 22,100 บาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 60% เมื่อเที่ยบกับปีก่อนหน้า โดยแนวโน้มราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น แต่ราคาอาจจะไม่หวือหวาเหมือนช่วงที่ผ่านมา ซึ่งคาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้ราคาทองโลกจะอยู่ที่ 4,300 - 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำไทยอยู่ที่ 64,000 - 65,000 บาทต่อบาททองคำ ขึ้นอยู่กับค่าเงินบาท
นายจิตติ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มในปี 2569 ยังประเมินว่าราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นต่อ แต่คงไม่ร้อนแรงเหมือนปี 2568 ที่ราคาขึ้นลงแรง โดยคาดการณ์ราคาจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% อยู่ที่ 4,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์และใกล้แตะ 70,000 บาทต่อบาท ทองคำในช่วงปลายปี 2569 มีปัจจัยสนับสนุนจากธนาคารกลางของประเทศมหาอำนาจต่างๆ หันมาซื้อทองคำสะสมเพิ่มขึ้น เนื่องจากมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โลก
สำหรับทิศทางการลงทุนทองคำในปี 2569 แนะนำให้ถือระยะยาว เพื่อรอจังหวะ ส่วนผู้ที่ซื้อเก็งกำไรระยะสั้นอาจจะมีความเสี่ยงเนื่องจากราคาอาจยังขึ้นๆลงๆ ตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ภาษีทรัมป์ที่นโยบายยังไม่ชัดเจน สงครามยูเครน-รัสเซียที่ยังคงยือเยื้อ และค่าเงินบาทที่แข็งค่า