ครม. เคาะแล้ว! เงินสมทบประกันสังคมเพิ่มขึ้น เปิดจำนวนที่ต้องจ่าย
ข่าวเศรษฐกิจ

ครม. เคาะแล้ว! เงินสมทบประกันสังคมเพิ่มขึ้น เปิดจำนวนที่ต้องจ่าย

วันที่ 2 ธันวาคม 2568 น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยที่ทำเนียบรัฐบาลว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ตามข้อเสนอของกระทรวงแรงงาน เพื่อปรับให้การคำนวณเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 33 สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน หลังจากกฎกระทรวงเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2538 ไม่สามารถสะท้อนค่าจ้างแรงงานที่ปรับสูงขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมาได้

เดิมเพดานค่าจ้างที่ใช้คำนวณเงินสมทบกำหนดไว้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน ส่งผลให้ผู้ประกันตนที่มีรายได้สูงกว่านั้นต้องจ่ายเงินสมทบเท่ากัน และได้รับสิทธิประโยชน์ไม่สอดคล้องกับค่าจ้างจริง ขณะที่อัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวันสูงสุดอยู่ที่ 400 บาทต่อวัน แต่ยังใช้ฐานคำนวณจากข้อมูลปี 2538 ซึ่งไม่สะท้อนเศรษฐกิจปัจจุบัน และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO)

ร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่กำหนดให้ปรับเพดานค่าจ้างแบบขั้นบันไดทุก 3 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 โดยอัตราเงินสมทบยังคงคิดที่ 5% เช่นเดิม โดยรายละเอียดมีดังนี้

1. ปี 2569-2571 เพดานค่าจ้าง 17,500 บาทต่อเดือน

2. ปี 2572-2574 เพดานค่าจ้าง 20,000 บาทต่อเดือน

3. ตั้งแต่ปี 2575 เป็นต้นไป: เพดานค่าจ้าง 23,000 บาทต่อเดือน

ตัวอย่างเช่น ในช่วงปี 2569-2571 ผู้ประกันตนที่มีค่าจ้างตั้งแต่ 17,500 บาทขึ้นไป จะจ่ายเงินสมทบสูงสุด 875 บาทต่อเดือน จากเดิม 750 บาท พร้อมได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น เช่น เงินลาป่วย เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต และเงินชราภาพ

การปรับเพดานครั้งนี้ จะทำให้กองทุนประกันสังคมมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถรองรับภาระด้านสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองก็มีภาระสมทบเพิ่มตามเพดานใหม่ ซึ่งถือเป็นการลงทุนเพื่อเสริมความมั่นคงของระบบประกันสังคมในอนาคต