มนุษย์เงินเดือนเตรียมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เตรียมปรับโครงสร้าง เงินสมทบประกันสังคม ใหม่ เริ่มใช้ปี 2569 ภายใต้แนวคิด จ่ายตามจริง ได้ประโยชน์ตามจริง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันและเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตน
โดยสูตรใหม่จะใช้ระบบ เงินสมทบแบบขั้นบันได 3 ระดับ ตามรายได้ของผู้ประกันตน เพื่อสร้างความเป็นธรรมและกระจายภาระอย่างเหมาะสมมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ สปส. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) กฎกระทรวงกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูง ที่ใช้เป็นฐานคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม เพื่อเป็นแนวทางในการปรับเพดานค่าจ้างและสิทธิประโยชน์ให้สอดคล้องกับยุคใหม่ พร้อมยังคงหลักความเป็นธรรมแก่ผู้ประกันตนทุกกลุ่ม
เมื่อมีการปรับเพดานค่าจ้างเพิ่มขึ้น สิทธิประโยชน์ 6 กรณีจะเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อไม่ให้กระทบนายจ้างและผู้ประกันตน จากเดิม 15,000 บาท เปลี่ยนเป็น ดังนี้
ขั้นที่ 1 ในปี 2569-2571 ปรับเป็น 17,500 บาท ส่งเงินสมทบสูงสุด 875 บาท/เดือน
ขั้นที่ 2 ในปี 2572-2574 ปรับเป็น 20,000 บาท ส่งเงินสมทบสูงสุด 1,000 บาท/เดือน
ขั้นที่ 3 ในปี 2575 เป็นต้นไป ปรับเป็น 23,000 บาท ส่งเงินสมทบสูงสุด 1,150 บาท/เดือน
ตารางเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับเพดานค่าจ้าง มีรายละเอียดดังนี้
ปีปัจจุบัน ค่าจ้าง 1.5 หมื่นบาท จะต้องจ่ายเงินสมทบสูงสุด 750 บาทต่อเดือน โดยสิทธิประโยชน์เงินทดแทน และเงินบำนาญที่ได้รับ
1. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 7,500 บาทต่อเดือน
2. เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตร 22,500 บาทต่อครั้ง
3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 7,500 บาทต่อเดือน
4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 90,000 บาท
5. เงินทดแทนกรณีว่างงาน 7,500 บาทต่อเดือน
6. เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 3,000 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 5,250 บาทต่อเดือน
ปี 2569 – 2571 ที่จะมีการปรับเป็นค่าจ้าง 1.75 หมื่นบาท ซึ่งจะต้องจ่ายเงินสมทบสูงสุด 875 บาทต่อเดือน โดยสิทธิประโยชน์เงินทดแทน และเงินบำนาญที่ได้รับเพิ่มขึ้น
1. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 8,750 บาทต่อเดือน
2. เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตร 26,250 บาทต่อครั้ง
3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 8,750 บาทต่อเดือน
4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 105,000 บาท
5. เงินทดแทนกรณีว่างงาน 8,750 บาทต่อเดือน
6. เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 3,500 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 6,125 บาทต่อเดือน
ปี 2572 – 2574 ที่จะมีการปรับเป็นค่าจ้าง 2 หมื่นบาท จะต้องจ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือน โดยสิทธิประโยชน์เงินทดแทน และเงินบำนาญที่ได้รับเพิ่มขึ้น
1. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 10,000 บาทต่อเดือน
2. เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตร 30,000 บาทต่อครั้ง
3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 10,000 บาทต่อเดือน
4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 120,000 บาท
5. เงินทดแทนกรณีว่างงาน 10,000 บาทต่อเดือน
6. เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 4,000 บาทต่ อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 7,000 บาทต่อเดือน
ปี 2575 เป็นต้นไป ที่จะมีการปรับเป็นค่าจ้าง 2.3 หมื่นบาท จะต้องจ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,150 บาทต่อเดือนโดยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับเพิ่มขึ้น
1. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 11,500 บาทต่อเดือน
2. เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตร 34,500 บาทต่อครั้ง
3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 11,500 บาทต่อเดือน
4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 138,000 แสนบาท
5. เงินทดแทนกรณีว่างงาน 11,500 บาทต่อเดือน
6. เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 4,600 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 8,050 บาทต่อเดือน
ทั้งนี้ การปรับสูตรใหม่ มุ่งให้ผู้มีรายได้สูงจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นเพื่อแลกกับสิทธิประโยชน์ที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันผู้มีรายได้น้อยยังได้รับความคุ้มครองในระดับที่เหมาะสมตามกำลังจ่าย
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานประกันสังคม