ภาพการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ทองโลกได้มีการปรับตัวลง จากการที่เมื่อวันศุกร์ ปธน.ทรัมป์ ได้กล่าวว่า การขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 100% ที่ได้กล่าวไปเมื่อวันศุกร์ที่ 10 ต.ค. นั้น ไม่ใช่สามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นการบรรเทาความกังวลการยกระดับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ในขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยรายงานผลประกอบการประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน โดยมีรายได้รวมปี 2025 ทำสถิติสูงสุดที่ $5.235 ล้านล้าน เพิ่มขึ้น $317 พันล้าน หรือ 6% จาก $4.918 ล้านล้าน ในงบประมาณปี 2024 และทางฝั่งรายจ่ายรวมสำหรับปี 2025 ก็ทำสถิติสูงสุดเช่นกันที่ $7.01 ล้านล้าน เพิ่มขึ้น $275 พันล้าน หรือ 4% จาก $6.735 ล้านล้าน ในปี 2024 ซึ่งเป็นการแสดงถึงความแข็งแกร่งทางการคลังของสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ได้กำหนดเป้าหมายในการยุติความขัดแย้งในยูเครนโดยได้ประกาศจัดการประชุมกับปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ครั้งที่ 2 ณ กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) ประเทศฮังการี หลังจากที่การประชุมครั้งแรกที่อลาสกา ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงได้สำเร็จ ทางด้านกองทุน SPDR ซื้อทองคำ 12.59 ตัน รวมสุทธิ 1,047.21 ตัน

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม

คืนนี้ไม่มีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ

วิเคราะห์ราคาทอง

ทองโลกมีการปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับบริเวณ 4,200 และ 4,187 ดอลลาร์ แต่ยังคงสามารถยืนเหนือแนวรับดังกล่าว จึงประเมินว่า หลังจากนี้ ทองโลกอาจฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 4,272 และ 4,300ดอลลาร์ แต่หากหลุดแนวรับที่ 4,187 ดอลลาร์ ลงไป อาจเข้าสู่ระยะปรับฐานลงต่อเนื่อง

ราคาทองคำโลก

แนวรับ : 4,200 และ 4,187 ดอลลาร์

แนวต้าน : 4,272 และ 4,300 ดอลลาร์

ทองโลกอยู่ในช่วงพักฐานลงระยะสั้น จึงแนะนำใช้กลยุทธ์ย่อเก็บสะสมจากแนวรับที่ระดับ 4,200 ดอลลาร์ และขายทำกำไรหากราคาขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 4,272 ดอลลาร์ แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 4,187 ดอลลาร์ แนะนำขายตัดขาดทุนไปก่อน ราคาทองคำแท่ง 96.5%

แนวรับ : 65,450 และ 65,300 บาท

แนวต้าน : 66,150 และ 66,350 บาท

ราคาทองในประเทศมีการปรับฐานลงตามทองโลก ในขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าจึงแนะนำทยอยซื้อสะสมตามแนวรับที่ระดับ 65,450 และขายทำกำไรตามแนวต้านที่ 66,150 บาท แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 65,300 บาท แนะนำขายตัดขาดทุน