คนทำงานเฮ! กสร. จ่อออกกม.แรงงาน  ลดชั่วโมง–เพิ่มวันหยุด เตรียมสื่อสารกับทุกภาคส่วน
ข่าวเศรษฐกิจ

คนทำงานเฮ! กสร. จ่อออกกม.แรงงาน ลดชั่วโมง–เพิ่มวันหยุด เตรียมสื่อสารกับทุกภาคส่วน

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา นางสาวสุนัน เพชรชู ผู้ตรวจราชการกรม สังกัดกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … ซึ่งเสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาชน โดยขณะนี้ร่างกฎหมายทั้งสองฉบับได้ผ่านการพิจารณาในวาระที่ 1 ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมาแล้ว

ร่างกฎหมายฉบับแรก เสนอโดยนายจรัส คุ้มไข่น้ำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี เขต 8 พรรคประชาชน

มีเนื้อหาสำคัญ มุ่งปรับปรุงเรื่องชั่วโมงการทำงานและสิทธิวันหยุดของลูกจ้าง โดยกำหนดให้ เวลาทำงานต่อสัปดาห์ไม่เกิน 40 ชั่วโมง จากเดิม 48 ชั่วโมง ส่วนงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือความปลอดภัย ต้องไม่เกิน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ยัง เพิ่มวันหยุดประจำสัปดาห์เป็นไม่น้อยกว่า 2 วัน จากเดิม 1 วัน โดยให้มีระยะห่างกันไม่เกิน 5 วัน พร้อมทั้งปรับสิทธิลาพักผ่อนประจำปีใหม่ โดยลูกจ้างที่ทำงานครบ 120 วัน จะมีสิทธิลาพักผ่อนไม่น้อยกว่า 10 วัน จากเดิมที่ต้องทำงานครบหนึ่งปีก่อนจึงจะได้รับสิทธิ

ส่วนร่างกฎหมายฉบับที่สอง เสนอโดยนางสาววรรณวิภา ไม้สน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนและคณะ

มุ่งเน้นการเสริม สิทธิเพื่อความเท่าเทียมในสถานที่ทำงาน ร่างนี้ กำหนดให้นายจ้างต้องปฏิบัติต่อลูกจ้างอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศสภาพ ความพิการ ศาสนา ความเชื่อ หรือทัศนคติทางการเมือง อีกทั้ง เพิ่มสิทธิลาประจำเดือนสำหรับลูกจ้างหญิงไม่เกิน 3 วันต่อเดือน โดยไม่ถือเป็นวันลาป่วย รวมถึงให้สิทธิลาเพื่อดูแลบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดได้ไม่เกิน 15 วันต่อปี

ในด้านการส่งเสริมสุขภาวะของแม่ทำงาน ร่างดังกล่าวยังระบุให้นายจ้างต้องจัดสถานที่สำหรับให้นมบุตรหรือบีบเก็บน้ำนมไม่น้อยกว่า 2 ครั้งต่อวัน ครั้งละ 30 นาที ภายในช่วงเวลา 8 ชั่วโมงการทำงาน และต้องดำเนินการต่อเนื่องอย่างน้อยหนึ่งปีหลังคลอด

นางสาวสุนันอธิบายว่า การปรับปรุงกฎหมายครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไปในยุคปัจจุบัน โดยมุ่งสร้างสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน และยกระดับมาตรฐานแรงงานไทยให้ใกล้เคียงกับหลักสากลขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) แม้ว่าสิทธิ “ลาประจำเดือน” ยังไม่ใช่มาตรฐานสากลโดยตรง แต่หลายประเทศได้เริ่มนำมาบรรจุไว้ในกฎหมายภายใน ซึ่งสะท้อนแนวโน้มที่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับสุขภาพของแรงงานหญิงมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ตรวจราชการกรมฯ ยอมรับว่า การปรับแก้กฎหมายย่อมส่งผลกระทบต่อทั้งนายจ้างและลูกจ้าง โดยเฉพาะต่อภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่อาจได้รับผลกระทบด้านต้นทุนและการบริหารแรงงาน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายสามารถดำเนินได้จริงและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเตรียมจัดทำคำชี้แจง คู่มือแนวทาง และประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจร่วมกับองค์กรนายจ้าง ภาคเอกชน และสหภาพแรงงานทั่วประเทศ เพื่อให้การดำเนินงานตามกฎหมายใหม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อแรงงานไทย

สำหรับผู้ที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 3