นายกสมาคมการค้าฯ หวั่น ไทยขาดแรงงาน หลังชาวกัมพูชา ทยอยกลับบ้านต่อเนื่อง จี้รัฐบาลเร่งหาสันติวิธี
ข่าวเศรษฐกิจ

นายกสมาคมการค้าฯ หวั่น ไทยขาดแรงงาน หลังชาวกัมพูชา ทยอยกลับบ้านต่อเนื่อง จี้รัฐบาลเร่งหาสันติวิธี

เมื่อเช้าวันนี้ 11 สิงหาคม 2568 บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ตำบลเทพนิมิตร อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ชาวกัมพูชาราว 2,000 คน เดินทางมารอข้ามแดนกลับประเทศ บริเวณจุดหน้าด่านอย่างหนาเเน่น ทว่ามีปริมาณลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน คาดว่าส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับไปก่อนหน้านี้แล้ว เหลือเพียงบางส่วนที่ทยอยข้ามแดนอย่างต่อเนื่อง

โดย ดร. รัฐวิทย์ ตั้งเกียรติพชร นายกสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวลำไย ซึ่งเป็นพืชผลทางการเกษตรที่ทำเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศไทยไม่น้อย แต่วิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้น คือเรื่องของแรงงานที่จะใช้เข้ามาเก็บเกี่ยวผลผลิต รวมถึงการตัดแต่งกิ่ง ใส่ปุ๋ยฉีดพ่นยา

ทางชาวสวนลำไย รวมถึงผู้ประกอบการ ที่รับซื้อ หรือที่เรียกว่า ล้งรับซื้อลำไย กำลังเป็นกังวล เนื่องจากส่วนใหญ่แล้ว ล้งที่รับซื้อลำไยจะมีทีมงานสายตัด และทีมงานสายตัดเหล่านี้ ก็จะมีกำลังหลัก คือแรงงานชาวกัมพูชา ไว้บริหารจัดการว่า จะให้ออกไปตัด หรือเก็บเกี่ยวส่วนไหน ซึ่งจะมีการลำดับคิวเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว

ขณะที่ชาวสวนลำไยส่วนใหญ่ ก็จะมีการทำสัญญาวางมัดจำ หรือที่รู้จักกันว่าซื้อใบ หรือขายใบ ให้กับเจ้าของโรง ไว้ก่อนล่วงหน้า เพื่อนำเงินมาลงทุนเป็นค่าปุ๋ยค่ายา หรือค่าแรงงานต่าง ๆ อาจมีการวางมัดจำหลักแสน หรือหลักล้าน ขึ้นอยู่กับผลผลิตของเกษตรกร เมื่อถึงกำหนดวันเก็บเกี่ยว ทางเจ้าของก็จะบริหารจัดการให้สายตัดนำแรงงานเข้าไปเก็บตามคิว

อย่างไรก็ตามแต่หากขาดแคลนแรงงานเหล่านี้ หลายภาคส่วนต้องออกมาระดมความคิด หาวิธีช่วยเหลือชาวสวนลำไย หากปล่อยทิ้งไว้ การเก็บเกี่ยวผลผลิตก็จะเสียหาย ไม่มีเงินไปใช้หนี้ล้ง หรือเถ้าแก่ที่ไปกู้ก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นตัวของเถ้าแก่หรือ ล้ง ก็ไม่มีสินค้าที่จะส่งไปขายประเทศจีน ซึ่งจะเกิดปัญหากระทบกันเป็นทอด ๆ

นอกจากนี้ ด้านดร. รัฐวิทย์ ยังได้เปิดเผยว่า ปีนี้ที่ อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว มีผลผลิตลำไยประมาณ 375,000 ตัน อยากวิงวอนให้รัฐบาล หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่จะเข้าประชุมในเร็ว ๆ นี้ ให้เร่งหาสันติวิธีโดยเร็วที่สุด พื้นที่ไหนที่ไม่มีข้อพิพาท อย่างเช่น สระแก้ว จันทบุรี และตราด ขอให้ปฏิบัติเหมือนกับเมื่อปี 2554 ที่มีการรบทางด้านเขาพระวิหาร แต่ก็ยังมีการเปิดการค้าขาย ให้แรงงานทำงานตามปกติ ส่วนพื้นที่ไหนที่ยังไม่ปกติยังมีการตรึงกำลังอยู่ก็ให้เต็มที่ไป นี่อาจเป็นอีกวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง