วันที่ 31 ธันวาคม 2568 สำนักข่าวดังรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางโพงพาง ควบคุมตัวป้าแอน แม่บ้านที่ก่อเหตุผสมน้ำยาฆ่าเชื้อเดทตอลใส่ในขวดนมให้เด็กดื่ม ไปยังศาลแขวงพระนครใต้ เพื่อขออำนาจฝากขัง โดยเจ้าหน้าที่ได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเกรงว่าจะไปก่อเหตุซ้ำ ซึ่งระหว่างการควบคุมตัว ป้าแอนใช้เสื้อคลุมหัวปิดบังใบหน้าตลอดเวลาและปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ แต่เมื่อเห็นกล้องของผู้สื่อข่าวช่อง 3 ได้ตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายว่า "อุ๊ย เหี้.. ช่อง 3 ไอ้บ้าเอ้ย"
ด้าน พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยภายหลังสอบปากคำว่า จากการไล่เรียงเหตุการณ์และตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบพฤติกรรมของผู้ต้องหาผิดวิสัยแม่บ้านทั่วไปและส่อเจตนาหวังผลบางอย่าง โดยช่วงที่ผู้เสียหายพาลูกไปโรงพยาบาล ป้าแอนได้กลับไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บของ ซึ่งเป็นจุดที่สามารถได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวภายในบ้านได้ชัดเจน แต่กลับไม่ออกมาดูเหตุการณ์
กระทั่งเมื่อผู้เสียหายออกจากบ้านไปแล้ว ป้าแอนพยายามจะย้อนกลับเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้งแต่ประตูถูกล็อกไว้ จึงทำได้เพียงเดินถ่ายรูปรถและป้ายทะเบียน ซึ่งตำรวจมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดวิสัย โดยสันนิษฐานว่าผู้ต้องหาพยายามผสมน้ำยาฆ่าเชื้อในนมเด็กเพื่อให้เด็กป่วยและครอบครัวต้องรีบพาไปโรงพยาบาล เพื่อเปิดทางให้ตนเองเข้าไปลักทรัพย์ในบ้าน
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาปลอมปนอาหารหรือเครื่องอุปโภคบริโภคให้บุคคลอื่นเสพหรือใช้ฯ ซึ่งผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ระบุว่าต้องขอบคุณรายการโหนกระแสที่ช่วยให้การทำงานของตำรวจง่ายขึ้น เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นฝ่ายติดต่อประสานงานมายังรายการเพื่อขอแก้ต่าง ทำให้ตำรวจสามารถติดตามข้อมูลและนำไปสู่การจับกุมได้
จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พบว่าป้าแอนเคยต้องหาคดีลักทรัพย์ในโรงพยาบาลศิริราช เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ขณะทำงานเป็นแม่บ้าน โดยศาลพิพากษาจำคุกแต่ให้รอลงอาญา ต่อมาในเดือนสิงหาคม 2568 ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ในคอนโดย่านอ่อนนุช ก่อนจะมาก่อเหตุครั้งล่าสุด ทั้งนี้ ตำรวจได้ยึดโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องไปตรวจสอบข้อมูลการติดต่อและพฤติกรรมย้อนหลัง ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับคดีอื่น ๆ เพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายอีกรายเดินทางมาที่ สน.บางโพงพาง โดยระบุว่าเคยจ้างป้าแอนทำงานในอัตราวันละ 1,100 บาท ต่อมาสร้อยคอแอร์เมสราคากว่า 26,000 บาท และเงินสด 5,000 บาทได้หายไป ซึ่งในตอนแรกป้าแอนปฏิเสธและร้องไห้อ้างความน่าสงสารเรื่องลูกป่วยต้องผ่าตัด ทำให้ตนใจอ่อน แต่เมื่อเห็นข่าวการวางยาเด็กจึงมั่นใจว่าผู้ก่อเหตุเป็นบุคคลอันตรายและตัดสินใจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด พร้อมเตือนนายจ้างรายอื่นให้ระมัดระวังและอย่าหลงเชื่อความน่าสงสารของบุคคลที่มีพฤติกรรมเช่นนี้