จากคดีสุดสะเทือนใจ แม่แท้ ๆ ลวงลูกสาววัย 12 ปี ไปทำงานนวดแฝงบริการทางเพศที่ประเทศญี่ปุ่น ส่วนตัวเองเดินทางไปทำงานต่อที่ไต้หวัน จนเด็กทนไม่ไหว หาทางหลบหนีไปแจ้งเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น ก่อนที่ตำรวจไทยจะประสานงาน จับกุมผู้เป็นแม่ได้ในที่สุด แต่เจ้าตัวยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ล่าสุดวันที่ 24 ธ.ค. 2568 เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้แถลงความคืบหน้าและรายละเอียดทางคดี ขณะที่ ‘นางปวีณา หงสกุล’ ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พายายและป้าของเด็กหญิง เดินทางมายังกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก. ปคม.) เพื่อเข้าพบแม่ของเด็กหญิง ซึ่งถูกควบคุมตัวและสอบปากคำอยู่
ป้าของเด็กหญิง ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ได้มีโอกาสพบเป็นระยะสั้น ๆ ตอนนี้น้องสาวยังไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะมัวแต่ร้องไห้อย่างเดียว อย่างน้อยที่สุดตนกับแม่ก็ดีใจที่เขากลับมา ได้กอดได้พูดคุยเล็กน้อย พร้อมกับร้องไห้ให้กันและกัน
ส่วนสาเหตุที่น้องสาวพาลูกสาวแท้ ๆ ไปค้าบริการทางเพศนั้น ตนก็ไม่ทราบสาเหตุ ไม่ทราบว่าพาไปญี่ปุ่นไปทำอะไร รู้แค่ว่าเขาพาลูกไปดูลูกชายคนเล็กที่ญี่ปุ่น และอ้างว่าลูกอยากไป โดยจะพาไป 1 เดือน เพราะเป็นช่วงปิดเทอม ซึ่งเป็นการพลูกไปครั้งแรก แต่ต้องรอจากปากน้องสาวอีกที ว่าสรุปแล้วพาลูกไปทำอะไรกันแน่
น้องสาวเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง ส่วนใหญ่จะไปประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และไต้หวัน เพื่อไปนวด ด้วยความที่เรียนจบเพียงแค่ชั้น ม. 2 มีวุฒิเพียงแค่นี้ จึงหางานที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว ซึ่งครอบครัวก็ไม่เคยทราบว่าน้องสาวเคยทำงานแฝงเกี่ยวกับบริการทางเพศหรือไม่
พอผ่านมาหลายเดือน ตนได้ยินแค่ข่าวลือว่า มีเด็กหญิงวัย 12 ปี ถูกแม่ลวงไปค้าบริการทางเพศที่ญี่ปุ่น ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง ไม่คิดว่าจะเป็นลูกหลานตัวเอง จนกระทั่งมีนักข่าวญี่ปุ่นมาสัมภาษณ์ เลยรู้ว่ากรณีนี้เกิดขึ้นกับหลานสาวของตน จึงร้องขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณา และตนก็ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับหลานสาวเลย ทราบเพียงแค่ว่าตอนนี้อยู่ระหว่างการทำเรื่องช่วยเหลือกลับประเทศไทย
พอตนได้ทราบเรื่องว่าน้องสาวพาหลานไปค้าบริการทางเพศ ก็รู้สึกโกรธและรู้สึกผิดหวัง ที่ญาติในประเทศไทยไม่มีใครรู้เรื่องมาก่อนเลย ว่าทำไมต้องพาไปทำแบบนี้ ตอนนี้ที่บ้านไม่พอใจอย่างมากและรู้สึกเสียใจ