รวบ บิ๊ก เพ็ชรแขก พร้อมพวก 4 ราย ตรวจฉี่ ม่วงยกแก๊ง-เจอหนีหมายจับคดีขับเสพ
ข่าวอาชญากรรม

รวบ บิ๊ก เพ็ชรแขก พร้อมพวก 4 ราย ตรวจฉี่ ม่วงยกแก๊ง-เจอหนีหมายจับคดีขับเสพ

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงาน ป.ป.ส. บูรณาการกำลังร่วมกับ ตำรวจท่องเที่ยว และ สน.ท่าเรือ ลงพื้นที่ชุมชนคลองเตย หลังชาวบ้านสุดทน ร้องเรียนผ่าน Facebook สำนักงาน ป.ป.ส. และสายด่วน ป.ป.ส. 1386 ที่พึ่งทุกปัญหายาเสพติด เป็นครั้งที่ 2 เหตุจาก บิ๊ก เพ็ชรแขก ไม่เข็ดหลาบ มั่วสุมเสพยาไม่เกรงกลัวกฎหมาย ผลตรวจค้นพบฉี่ม่วงยกก๊วน 4 ราย พร้อมรวบผู้ต้องหาหนีหมายจับศาลแขวงสมุทรปราการ

พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับเรื่องร้องเรียนผ่าน Facebook สำนักงาน ป.ป.ส. และสายด่วน ป.ป.ส. 1386 ที่พึ่งทุกปัญหายาเสพติดแจ้งเบาะแสพฤติการณ์ของ นายนพพล หรือ บิ๊ก เพ็ชรแขก และพวก ที่มักลักลอบมั่วสุมเสพยาเสพติดในพื้นที่ชุมชนคลองเตย สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้กับผู้อยู่อาศัย ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เคยเข้าจับกุมตัวดำเนินคดีไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังคงมีพฤติการณ์เดิม จึงได้สั่งการให้ สำนักปราบปรามยาเสพติด (ปป.1) ประสานความร่วมมือกับ ปปส.กทม., ตำรวจท่องเที่ยว (ศอ.ปส.สน.บก.ทท.) และ สน.ท่าเรือ เข้าปิดล้อมตรวจค้นซ้ำทันทีในวันนี้

จากการเข้าตรวจค้นบ้านพักภายในชุมชนคลองเตย พบกลุ่มบุคคลกำลังมั่วสุมอยู่ภายในบ้าน จำนวน 4 ราย โดยหนึ่งในนั้นคือ นายนพพล (สงวนนามสกุล) หรือ บิ๊ก เพ็ชรแขก บุคคลตามเรื่องร้องเรียน เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย พบผลเป็นบวก (สีม่วง) ทั้ง 4 ราย จึงแจ้งข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ จากการขยายผลตรวจสอบประวัติผู้ถูกจับกุม พบว่า นายประเสริฐ (สงวนนามสกุล) เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงสมุทรปราการ ในข้อหาสำคัญได้แก่ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1, เป็นผู้ขับขี่รถในขณะมีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย และไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล (ผิดเงื่อนไขคุมประพฤติ) เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ความผิดฐาน เป็นผู้ขับขี่รถในขณะมีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) อยู่ในร่างกายโดยผิดกฎหมาย ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อผู้ใช้รถใช้ถนนและสังคม เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งถูกสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ อีกทั้งกรณีที่ผู้ต้องหาผิดเงื่อนไขคุมประพฤติ ศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้เดิมกลับมาบังคับใช้ทันที โดยไม่มีการรอลงอาญาอีกต่อไป

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสืบสวนพบว่าปัญหายาเสพติดในเคสนี้ ส่งผลกระทบต่อสถาบันครอบครัวโดยตรง โดยผู้ถูกร้องเรียนมีพฤติกรรมเสพยาจนเกิดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ภรรยาและลูกต้องย้ายหนี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ายาเสพติดเป็นภัยร้ายที่ทำลายทั้งสุขภาพและทำลายความสุขในครอบครัว

ปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการยืนยันว่า ป.ป.ส. ให้ความสำคัญกับทุกเรื่องร้องเรียน โดยเฉพาะในชุมชนเมืองที่มีความหนาแน่น หากประชาชนพบเห็นเบาะแสยาเสพติด หรือพบผู้กระทำผิดซ้ำซาก สามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. 1386 ที่พึ่งทุกปัญหายาเสพติดตลอด 24 ชั่วโมง เราพร้อมดำเนินการตรวจสอบและปราบปรามทันที เพื่อคืนความสงบสุขให้ชุมชน เลขาธิการ ป.ป.ส. เน้นย้ำในตอนท้าย

ผู้สื่อข่าวกรุงเทพมหานคร ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน