วานนี้ (5 ธ.ค. 2568) ร.ต.อ.บุญเลิศ เหล็กมา รองสารวัตรสอบสวน สภ.หล่มสัก ได้รับแจ้งมีคนถูกทำร้ายจนเสียชีวิต บริเวณกลางทุ่งนาหมู่ 1 ต.บุ่งคล้า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ หลังรับแจ้ง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้น พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลหล่มสัก ตำรวจพิสูจน์หลังฐานเพชรบูรณ์ และอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูหล่มสัก จึงเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุ เป็นทุ่งนาอยู่หลังหมู่บ้าน พบร่างผู้เสียชีวิตสภาพนอนหงาย มีผ้าคลุมบริเวณศีรษะ สวมถุงมือสีเทา - ดำ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าบู๊ทสีน้ำตาล จากการตรวจสอบ พบถูกทำร้าย บริเวณใบหน้า หน้าอก และมือ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ นางพิปรีญา อายุ 54 ปี ชาว ต.บุ่งคล้า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

จากการชันสูตรพบว่า ที่บริเวณใบหน้ามีร่องรอยถูกของมีคมฟันเป็นแผลยาว 4 แผล และที่ดั้งจมูกถูกของแข็งทุบจนใบหน้ายุบ ที่บริเวณท้ายทอยถูกของมีคมฟันจนเป็นแผลลึกและยาว ที่บริเวณหน้าท้องถูกของแหลมแทงจำนวน 8 รู และที่มือขวาถูกของมีคมฟันเป็นแผล ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่าฟีโน่ สีน้ำเงิน-เขียว-ขาว ทะเบียน 1 กฌ 1446 เพชรบูรณ์ ของผู้เสียชีวิตจอดอยู่ และนอกจากนั้น ยังพบจอบตกอยู่ข้างลำตัวของผู้เสียชีวิต 1 อัน แต่ไม่พบคราบเลือดที่จอบแต่อย่างใด
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนางเกียม อายุ 51 ปี ชาว ต.บุ่งคล้า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีขาวเหลืองดำ ทะเบียน 1 กต 6547 เพชรบูรณ์ หลบหนีไป

จากการสอบสวน นายธงชัย พี่ชายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อก่อนนางเกียม ผู้ก่อเหตุได้อยู่กินกับนายมืด ผู้เป็นสามี ต่อมา ช่วงประมาณปลายปี 2567 ได้เลิกลากัน ส่วนนายมืดก็ได้มาคบหากับนางพิปรีญา ผู้เสียชีวิต และได้แต่งงานกันเมื่อเดือน เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา โดยนายมืดได้ให้ภรรยาเก่าอยู่ที่บ้านของตนเอง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านภรรยาใหม่ประมาณ 300 เมตร โดยที่นายมืดก็ยังไปช่วยงานอดีตภรรยา ไม่ว่าจะเป็นทำนาข้าว ปลุกยาสูบ ปลูกข้าวโพด แรกๆ ที่ผู้เสียชีวิตแต่งงานกับนายมืด ก็ถูกนางเกียมต่อว่าเรื่องมาแย่งสามีตนเองไป
หลังจากนั้น ก็ไม่มีการทะเลาะกันอีกเลย ถึงแม้ว่าจะเจอหน้ากันบ่อยครั้ง เพราะอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุในวันนี้ ช่วงเช้าผู้เสียชีวิตได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปดายหญ้าแปลงข้าวโพดที่ปลูกไว้ห่างจากบ้านประมาณ 3 กม. จากนั้น ก็ได้มีคนโทรมาแจ้งว่าได้เห็นนางเกียม ผู้ก่อเหตุ ขี่รถจยย.ไปหาผู้เสียชีวิตที่แปลงข้าวโพด ต่อมา ก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง ก่อนที่เสียงจะเงียบไป ส่วนนางเกียมได้ขี่รถจยย.ออกไปอย่างรวดเร็ว ตนจึงรีบมาดูก็พบว่า น้องสาวได้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตไปแล้ว จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าตรวจสอบดังกล่าว

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวชาวบ้านได้จับกลุ่มพูดคุยถึงความโหดเหี้ยมของผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเร่งจับกุมตัวและดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ล่าสุด จนท.ตำรวจสามารถจับตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว โดยให้การรับสารภาพว่า ผู้เสียชีวิตมาแย่งสามีของตนเอง และเคยมีปากเสียงกันมาก่อน จึงได้เก็บความแค้นไว้ในใจ กระทั่งสบโอกาสที่นางพิปรีญา ไปทำงานถางหญ้าข้าวโพดกลางทุ่งนาเพียงคนเดียว จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามไปและมีการถกเถียงกันอีกครั้ง จึงสบโอกาสใช้มีกปลายแหลมยาวประมาณ 46 ซม. กระหน่ำแทงและฟันจนเสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวจังหวัดเพชรบูรณ์ รายงาน