หนุ่มแต่งชุดเต็มยศ พันตำรวจเอก  ไปเซอร์ไพรส์แฟนสาวงานรับปริญญา สุดท้ายเจอข้อหาหนัก
ข่าวอาชญากรรม

หนุ่มแต่งชุดเต็มยศ พันตำรวจเอก ไปเซอร์ไพรส์แฟนสาวงานรับปริญญา สุดท้ายเจอข้อหาหนัก

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 มีรายงานว่า พนักงานร้านของร้านจำหน่ายเครื่องแบบข้าราชการทุกหน่วยงานในเขตเมืองอุดรธานี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เมื่อช่วงเย็นวานนี้ หลังจากมีชายคนหนึ่งเข้ามาเช่าชุดเครื่องแบบตำรวจยศ พันตำรวจเอก พร้อมสแกนชำระเงิน จำนวน 12,000 บาท แต่เงินไม่เข้า และใส่ชุดตำรวจยศ พ.ต.อ.ออกไปจากร้าน

หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบชายคนดังกล่าวเป็นตำรวจจริงหรือไม่ หากไม่ใช่ตำรวจจริงก็ให้ช่วยประสานมาชำระค่าชุดเครื่องแบบ จำนวนเงิน 12,000 บาท และจะได้สอบถามมาเช่าชุดตำรวจถึงยศ พ.ต.อ.เพื่อวัตถุประสงค์อะไรกันแน่

โดยภายหลังการแจ้งความ ผู้ดูแลร้านได้พยายามติดต่อชายคนดังกล่าว แจ้งว่าเงินค่าเช่าชุดไม่เข้าและขอให้รีบนำมาชำระ หากยังไม่จ่ายจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาในช่วงค่ำวันเดียวกัน ชายรายนั้นได้กลับมาแสดงตัวและขอชดใช้ค่าชุดให้เรียบร้อย

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่า บุคคลดังกล่าว ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา “แต่งกายเลียนแบบเจ้าพนักงาน” เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ขณะที่ทางร้านจำหน่ายเครื่องแบบข้าราชการยืนยันว่าไม่ติดใจเอาความเพิ่มเติมเพราะหนุ่มคนดังกล่าวจ่ายค่าเสียหายแล้ว

ทางด้าน น.ส.ปูเปรี้ยว อายุ 40 ปี (นามสมมุติ) พนักงานร้าน เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันก่อน มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน สอบถามหาชุดเครื่องแบบข้าราชการตำรวจ ตนจึงถามว่า ต้องการชุดสายตรวจหรือชุดปฏิบัติการ ชายรายนั้นตอบว่า “ชุดปฏิบัติการ” โดยระบุว่ายศ พันตำรวจเอก และเร่งให้จัดให้โดยด่วน อ้างว่ากำลังจะนำไปใส่ในงานรับปริญญาของแฟนสาว

เมื่อจัดชุดให้เรียบร้อย ชายคนดังกล่าวได้เปลี่ยนชุดที่ร้านก่อนออกไป โดยโอนเงินชำระผ่านมือถือ เป็นค่าเช่าชุดจำนวน 12,000 บาท แต่ภายหลังพบว่าเงินไม่เข้าบัญชี ตนจึงพยายามโทรติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะนั้นชายรายดังกล่าวอ้างว่าตนอยู่ที่ สภ.โนนสะอาด

โดยทางด้านพนักงานสาว บอกอีกว่า หากติดตามเงินไม่ได้จริง ๆ ตนต้องรับผิดชอบเอง เพราะยอดเงิน 12,000 บาท นั้นเป็นเงินเดือนทั้งเดือน ต่อมาจึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองอุดรธานี จนกระทั่งชายรายดังกล่าวกลับมาชำระเงินคืน ทางร้านจึงไม่ติดใจดำเนินคดี

ส่วนทางด้าน น.ส.มด อายุ 28 ปี แฟนสาวของชายรายดังกล่าว เล่าว่า วันก่อนเป็นวันรับปริญญาของตนเอง ซึ่งแฟนได้มาร่วมงานด้วย แต่หลังจากเสร็จพิธีกำลังจะถ่ายรูป แฟนหนุ่มขอตัวออกไปทำธุระโดยไม่บอกว่าไปไหน กระทั่งกลับมาปรากฏตัวในชุดเครื่องแบบตำรวจ ซึ่งทำให้ตนรู้สึกงงมาก เพราะไม่ทราบว่าแต่งชุดนั้นมาทำไมเพราะรู้อยู่แล้วว่าแฟนหนุ่มไม่ใช่ตำรวจเป็นครูเอกชน

ส่วน นายต่าย อายุ 30 ปี ครูหนุ่ม เปิดเผยว่า ตนเสียใจไม่คิดว่าจะเจอคดีแต่งกายเลียนแบบเจ้าพนักงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนมีแรงบันดาลใจอยากเป็นตำรวจเคยไปสอบแล้วไม่ติด จึงมาเป็นครูเอกชน และในวันรับปริญญาของแฟน เกิดอารมณ์ชั่ววูบ อยากแต่งเครื่องแบบตำรวจเพื่อไปเซอร์ไพรส์แฟนสาว เพราะในงานรับปริญญาะเห็นคนอื่นในงานใส่เครื่องแบบตำรวจมารับแฟนหลายคน จึงคิดว่าทำบ้างน่าจะดี แค่อยากเซอร์ไพรส์เล่นๆ เท่านั้น

โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทราบหรือไม่ว่าประชาชนทั่วไปไม่สามารถแต่งเครื่องแบบตำรวจได้ นายต่ายตอบว่า “ผมเคยเห็นในงานแสดงหมอลำ ในละครก็เห็นเขาใส่ เลยคิดว่าไม่น่ามีปัญหา” ส่วนกรณีที่เงินโอนค่าชุดไม่เข้า นายต่ายชี้แจงว่า ตอนนั้นคิดว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว แต่ระหว่างจะกลับไปเอาบัตรที่รถ แฟนโทรมาเร่งให้รีบกลับ เพราะโกรธที่หายไปนาน ด้วยความรีบร้อน ตนจึงรีบขับรถออกจากร้านไปโดยไม่ตรวจสอบอีกครั้ง

หลังจากนำชุดไปใส่เซอร์ไพรส์แฟนแล้ว ตนก็รีบนำชุดมาคืนทางร้านเพราะพนักงานโทรมาแจ้งว่าจะดำเนินคดีหากไม่คืน สุดท้ายได้พูดคุยตกลงกับร้าน โดยร้านไม่เอาเรื่อง ผมจึงยอมขอให้ชดใช้ค่าเช่าชุดและค่าเสียหายของทางร้านรวมเป็นเงิน 20,000 บาท