วันที่ 30 ต.ค. 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ได้ร่วมกันจับกุม ดาบตำรวจสง่าฯ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ที่ 17/2568 ลงวันที่ 23 กันยายน 2568 ความอาญาซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันกระทำความผิดฐานร่วมกันเรียก รับ หรือยอม จะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

ร่วมกันรับเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยรู้หรือควรจะได้รู้ว่าผู้นั้นเกี่ยวข้องกับยาเสพติด, ร่วมกันสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อน หรือขณะกระทำความผิด และร่วมกันรับเงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด เพื่อประโยชน์หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือเพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ และร่วมกันกระทำผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, มาตรา 157 มาตรา 161 มาตรา 173 มาตรา 200 ประกอบมาตรา 83 , 91 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 มาตรา 173 สามารถจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้าน ม.3 ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย
สืบเนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้รายงานว่าคณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและทางวินัยอย่างร้ายแรง ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 4 นาย โดยจากผลการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อมีนาคม 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดในพื้นที่อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ แต่ได้เรียกรับเงินจากผู้ต้องหาเป็นจำนวน 30,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี และยังได้ร่วมกันจัดทำบันทึกการจับกุมอันเป็นเท็จ รวมทั้งมีการปลอมแปลงลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ผู้อื่นในเอกสารราชการ

การกระทำดังกล่าวเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157, 161, 173, 200 ประกอบมาตรา 83, 91 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172, 173 ต่อมา คณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้ส่งเรื่องพร้อมพยานหลักฐานให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 ภาค 6 เพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6
โดยได้นัดผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 รายให้มาพบพนักงานอัยการในวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 แต่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดไม่มาพบตามกำหนด และไม่แจ้งเหตุขัดข้อง รวมทั้งไม่สามารถติดต่อได้ ดังนั้น เพื่อมิให้เสียหายแก่รูปคดี พนักงานอัยการจึงได้ขอให้พนักงาน ป.ป.ท. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 เพื่อออกหมายจับ ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ราย ซึ่งมีพฤติการณ์หลบหนีและมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าได้กระทำความผิดอาญาร้ายแรง มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ได้ประสานมายัง ผบก.ปปป. ขอให้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมา เจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปปป. ลงพื้นที่สืบสวนจนกระทั่งพบตัวผู้ต้องหา จึงนำหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ที่ 17/2568 ลงวันที่ 23 กันยายน 2568 ได้อ่านหมายจับของศาลฯและรับว่าเป็นดาบตำรวจสง่าฯ จริง ยังไม่เคยถูกจับมาก่อน และ หมายค้นศาลจังหวัดสวรรคโลก ที่ 35/2568 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2568 จำนวน 1 จุด จากนั้นได้นำตัวมาลง ปจว.และบันทึกจับกุม ณ สภ.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย และได้รายงานฝ่ายปกครอง อัยการท้องถิ่น ตามขั้นตอนกฎหมาย จากนั้น นำตัวผู้ต้องหาส่งอัยการคดีปราบปรามการทุจริต 2 ภาค 6 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน