วันที่ 8 ตุลาคม 2568 เวลาเย็น ร.ต.อ.พรชัย แจ่มเชื้อ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ได้รับ แจ้งเหตุ ว่า ลูกชายทำร้ายร่างกายแม่จนเสียชีวิต ภายในบ้านพักครึ่งปูนครึ่งไม้ใน ต.กุดลาด อ.เมือง จ.อุบลราชธานี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่กู้ภัย

ที่เกิดเหตุบริเวณแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน พบร่างผู้เสียชีวิตชื่อ นางเทียม อายุ 60 ปี สวมชุดสีแดง นอนคว่ำหน้า มีบาดแผลฉกรรจ์ บริเวณใบหน้า ลำคอ และท้ายทอยลึกถึงกะโหลกจำนวน 5 แผล แขนซ้ายมีรอยถูกของมีคมฟันเป็นแผลฉกรรจ์ 1 แผล

ใกล้กันพบเอกสารการรับอภัยโทษของนายรัตนพล อายุ 29 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต และใบส่งต่อข้อมูลจิตเวชพ้นโทษ ระบุว่าป่วย โรคจิตไม่ระบุชนิด, โรควิตกกังวลแบบผสม, และ โรคซึมเศร้า มีความเสี่ยงหากไม่ได้รับยาต่อเนื่อง

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายรัตนพล หรือ ยิ้ม อายุ 29 ปี หลังก่อเหตุได้ วิ่งหลบหนี ออกไปทางหลังบ้านพร้อม มีดพร้า เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านกว่า 50 คนไล่ติดตามแต่ยังไม่พบตัว

นางสีดา อายุ 56 ปี อาของนายรัตนพล เปิดเผยว่า เมื่อปี 2560 นายรัตนพลเคย คลุ้มคลั่ง และทำร้ายเพื่อนบ้านจนเสียชีวิต 1 คน ถูกจับติดคุก 8 ปี และเพิ่งพ้นโทษเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 หลังกลับมาอยู่บ้านวันแรก อาการดีขึ้น แต่ 2-3 วันหลังเริ่ม ตาขวาง พกมีดพร้า และดื่มสุรา

ก่อนเกิดเหตุ นายรัตนพล ออกไป ดื่มสุรา กับเพื่อนตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 8 ตุลาคม ไม่ยอมนอนและไม่ทานยา เพื่อนบ้านจึงแจ้งให้แม่ของตนไปตามกลับเพราะเกรงว่าจะ ทำร้ายผู้อื่น ทำให้เกิดความไม่พอใจ และเวลา 19.00 น. กลับบ้านมาต่อว่าแม่จนมีปากเสียง ก่อนใช้อาวุธ มีดพร้า ฟันแม่ 2 ครั้ง แล้วหลบหนี

ต่อมา เจ้าหน้าที่พบว่านายรัตนพล หลบซ่อนตัว อยู่ในบ้านหลังหนึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร หลังเจ้าหน้าที่ตะโกนเรียกและนำบุคคลที่ สนิทคุ้นเคย มาเกลี้ยกล่อม ผู้ก่อเหตุจึง ยอมมอบตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี

นายรัตนพล ให้การว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจาก ถูกพ่อและแม่ดุด่าว่าเสพยาบ้าและดื่มสุราเป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุ เสพยาบ้า 3 เม็ด และเมื่อกลับเข้าบ้าน เห็นแม่เป็นผี จึงเกิดการทะเลาะและใช้ มีดพร้า ฟันแม่จนเสียชีวิต

เจ้าหน้าที่สังเกตว่านายรัตนพลยัง พูดจาวกวน มีอาการหวาดระแวง และร้องไห้ ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ฝ่าฝืนกฎหมาย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป