อยู่ยากขึ้นทุกวัน ลูกสาวเผยพิรุธ เเม่เสียชีวิตปริศนา ในร้านนวดสปาประเทศญี่ปุ่น
ข่าวอาชญากรรม

อยู่ยากขึ้นทุกวัน ลูกสาวเผยพิรุธ เเม่เสียชีวิตปริศนา ในร้านนวดสปาประเทศญี่ปุ่น

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ตุลาคม 2568 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมทีมงาน เดินทางไปยังคอนโดแห่งหนึ่งในซอยกรุงเทพฯ-นนท์ 13 แขวงและเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือน้องแก้ว (นามสมมติ) อายุ 20 ปี นักศึกษาคณะสัตวแพทยศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง หลังแม่ของเธอ น.ส.คิดดี (นามสมมติ) อายุ 47 ปี เสียชีวิตปริศนาในร้านนวดสปาที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

น้องแก้ว เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า พ่อแม่ของตนแยกทางกันตั้งแต่เกิด โดยแม่มีสามีใหม่และช่วยกันเปิดร้านชานมไข่มุกอยู่ย่านเสนานิคม แต่ช่วงหลังเศรษฐกิจไม่ดีจึงหันไปเรียนงานนวด ก่อนจะได้รับการชักชวนจากเพื่อนที่เป็นเอเจนซี่ ให้ไปทำงานร้านนวดสปาที่เมืองยูกิ จังหวัดอิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา

น้องเเก้วเล่าต่อว่า แม่โทรคุยกับตนทุกวันและมักเล่าว่าถูกเจ้าของร้านบังคับให้ ทำงานมากกว่านวด จึงย้ายไปทำที่ร้านใหม่ได้ราว 3 เดือน ก่อนเกิดเหตุ ล่าสุดคุยกันเมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 4 ตุลาคม แม่บอกว่าถูก พี่น้ำ (นามสมมติ) เจ้าของร้านชาวมหาสารคามชวนดื่มเหล้า เธอเตือนให้แม่ระวังตัว กระทั่งวันที่ 5 ตุลาคม โทรศัพท์ติดต่อแม่ไม่ได้อีกเลย ทั้งที่ปกติแม่จะโทรสั่งอาหารออนไลน์มาให้เธอกับยายทุกวัน

ต่อมาเพื่อนของแม่ที่อยู่ประเทศไต้หวันแจ้งว่า ติดต่อแม่ได้ครั้งสุดท้ายช่วงเที่ยงของวันเดียวกัน ก่อนขาดการติดต่อไป เธอจึงโพสต์เฟซบุ๊กตามหาแม่ และได้รับข้อมูลจากเพื่อนแม่อีกคนว่า แม่เสียชีวิตแล้วตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 5 ตุลาคม บนเตียงนวดภายในร้านสปาในลักษณะเปลือยกาย แต่เจ้าของร้านกลับปิดบังเรื่องไว้ และเมื่อรู้ว่าตนทราบความจริง ก็รีบลบรูปของแม่ออกจากเพจร้านทันที

พร้อมกันนี้ น้องแก้ว ระบุว่า หลังจากตนโพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องให้ร้านออกมาชี้แจง เจ้าของร้านติดต่อกลับมาว่าจะช่วยดูแลค่าทำพิธีฌาปนกิจให้ และส่งเงินให้วันละ 300 บาทเหมือนที่แม่เคยส่งมา แต่ขอให้ลบโพสต์เพราะทำให้ร้านเสียชื่อเสียง เธอส่งเลขบัญชีไปให้แต่ยังไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว จึงเชื่อว่าเจ้าของร้านมีเจตนาไม่สุจริต

ขณะเดียวกัน เธอได้เดินทางไปติดต่อกรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อขอใบมรณบัตรของแม่ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องรอผลชันสูตรจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะแล้วเสร็จในวันที่ 9 ตุลาคม ที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ นางปวีณา หงสกุล กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้วและอยู่ระหว่างการประสาน ตำรวจสากล (Interpol) ในประเทศไทย เพื่อขอความร่วมมือจากตำรวจสากลประเทศญี่ปุ่นให้สอบสวนข้อเท็จจริง รวมถึงนำตัวเจ้าของร้านสปามาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งประสานกับ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อดำเนินการเคลื่อนย้ายร่างของ น.ส.คิดดี กลับประเทศไทย เพื่อให้ครอบครัวได้ดำเนินพิธีทางศาสนาต่อไป