เมียหลงเชื่อมิจฉาชีพ พยายามจะโอนเงิน 80,000 บ. แลกกำไร 20 กว่าล้านบาท ผัวรู้เรื่องเข้า รีบคว้ามือถือทุบทิ้ง โทรแจ้งตำรวจระงับเหตุ
ข่าวอาชญากรรม

เมียหลงเชื่อมิจฉาชีพ พยายามจะโอนเงิน 80,000 บ. แลกกำไร 20 กว่าล้านบาท ผัวรู้เรื่องเข้า รีบคว้ามือถือทุบทิ้ง โทรแจ้งตำรวจระงับเหตุ

วันที่ 30 ก.ย. 2568 ศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งจากชาย อายุ 60 ปี อดีตข้าราชการ ว่าขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปช่วยระงับเหตุ เนื่องจากภรรยากำลังจะโอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยบ้านอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม จึงประสาน พ.ต.ต.ศักดา ต้นจันทร์ สารวัตรปราบปราม (สวป.), ร.ต.อ.วิชาญ โสมศรี รอง สวป.สภ.เมืองนครพนม เดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว

เมื่อไปถึงพบผู้แจ้งยืนถกเถียงกับภรรยา อายุ 59 ปี ข้าราชการหน่วยงานแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงให้ทั้งสองสงบสติอารมณ์ และสอบถามรายละเอียด ผู้แจ้ง เล่าว่า ตนเองเป็นอดีตข้าราชการ เกษียณก่อนกำหนดมาได้ 5 ปี เงินบำเหน็จจำนวนหนึ่งโอนให้ลูกสาวเก็บไว้อยู่ที่ จ.ขอนแก่น โดยไม่ทราบว่าภรรยาแอบไปให้ลูกโอนเงินมาใส่บัญชีตัวเอง

ความแตกเมื่อตอนก่อนเที่ยง ภรรยาชวนไปเก็บของที่สำนักงาน เพราะเพิ่งลาออกก่อนครบอายุเกษียณ 1 ปี แต่มีอาการลุกลี้ลุกลนผิดปกติ และบอกว่าขอไปโอนเงินให้เพื่อนที่ห้าง ตนรู้สึกสงสัยจึงกลับมารอที่บ้าน พอภรรยามาถึงก็เค้นถามความจริง จึงทราบว่าภรรยาว่าได้คุยไลน์กับเพื่อนสมัยเรียนคนหนึ่ง เขาเป็นเจ้าของบริษัทเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ที่กรุงเทพฯ และชักชวนลงทุนเล่นหุ้น โดยได้โอนเงินไปเล่นหุ้นหลายครั้ง คิดเป็นเงินประมาณ 2 แสนกว่าบาท ตนเชื่อว่าเพื่อนที่อ้างสมัยเรียนน่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงยึดโทรศัพท์ภรรยาเพื่อจะนำไปตรวจสอบ และได้เกิดการยื้อยุดกัน ตนเลยทุบโทรศัพท์จนพังเสียหาย และโทรแจ้ง 191 ช่วยมาระงับเหตุ

ด้านภรรยา เล่าว่า เพื่อนคนนี้รวยมาก ได้ชวนให้ลงทุนเล่นหุ้น เมื่อประมาณ 2-3 เดือนมานี้เริ่มลงทุนครั้งแรก 40,000 บาท เพียงวันเดียวเขาโอนกำไรให้ 4,500 บาท ส่วนเงินต้นยังอยู่กับเขา และเพื่อนก็ให้ตนโอนเงินเพิ่มเรื่อย ๆ ครั้งละ 40,000-50,000 บาท โดยล่าสุดเขาบอกว่าเงินหุ้นที่เล่นมีกำไรงอกถึง 20 กว่าล้านบาท ตอนนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยโอนมาไว้ที่บริษัทแล้ว แต่เราต้องจ่ายดอกเบี้ยให้บริษัทก่อน ถึงจะนำเงินจำนวนดังกล่าวออกมาได้ โดยตนจะต้องโอนเงิน จำนวน 80,000 บาท ภายในวันนี้

ขณะที่คุยไลน์กัน เป็นเวลาเดียวกับที่สามีกำลังพาไปขนของที่สำนักงานพอดี ตนจึงบอกสามีไม่ต้องไปขนของแล้ว มีธุระด่วนต้องรีบไปโอนเงินให้เพื่อนที่ห้าง พอไปถึงมีคนเข้าคิวหน้าตู้เอทีเอ็มเยอะ จึงกลับบ้านเพื่อจะโอนผ่านแอปพลิเคชัน ก็เจอสามีรอซักถาม จึงเกิดการโต้เถียงกัน ถึงตอนนี้ก็ยังเชื่อว่าเพื่อนคนนี้สามารถปลดหนี้ให้ได้

ผู้แจ้งบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เงินที่ภรรยาโอนไปไม่ใช่แค่ 200,000 บาท เฉพาะเงินของตนก็หายไป 4 แสนกว่าบาทแล้ว ไม่รวมเงินเดือนภรรยาอีก ต้องการแจ้งความเพื่อระงับบัญชีที่โอนไป แม้จะมีความหวังริบหรี่ก็ตาม พร้อมอนุญาตให้สื่อนำเรื่องนี้ไปเผยแพร่เพื่อเป็นอุทธาหรณ์

ขณะเดินทางไป สภ.เมืองนครพนม ฝ่ายภรรยายังได้ใช้โทรศัพท์อีกเครื่องถ่ายรูปเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งไปให้เพื่อนดูว่า เหตุที่ตนเองโอนเงินไม่ได้เพราะมีตำรวจมาที่บ้าน แม้เจ้าหน้าที่จะถามชื่อเพื่อนเศรษฐีคนดังกล่าว เจ้าตัวก็อ้างว่าไม่รู้จักชื่อ

สามีบอกว่า ภรรยาปักใจเชื่อว่าเพื่อนคนนี้ปลดหนี้ได้ และต้องหาวิธีโอนเงินไปเพื่อรับเงินล้าน ตอนนี้ตนยึดบัตรเครดิตไว้แล้ว ส่วนบัญชีเงินฝากที่เหลือเงินอยู่เพียงแสนกว่าบาท ตนจะไปพบเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อขอระงับชั่วคราวก่อน รอจนกว่าภรรยาจะตาสว่างค่อยว่ากัน

ข้อมูล โหนกระแส