กลุ่มเยาวชน ใช้อาวุธขู่สาววัย 14 ปี 3 ราย เหยื่อพยายามต่อสู้และร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับถูกบังคับขืนใจ ไร้ความเป็นคน
ข่าวอาชญากรรม

กลุ่มเยาวชน ใช้อาวุธขู่สาววัย 14 ปี 3 ราย เหยื่อพยายามต่อสู้และร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับถูกบังคับขืนใจ ไร้ความเป็นคน

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 ที่ หน้าแดนเนรมิตเก่าริมฟุตบาท นายจ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ตนได้นำผู้ปกครองของเด็กสาวอายุ 14 ปี 3 ราย เข้าร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปราม (กองปราบฯ) เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นชายอายุประมาณ 17 ปี จำนวน 5-6 คน ที่ก่อเหตุข่มขืนและรุมโทรมในพื้นที่ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี

จ่าคิงส์ เผยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการบอกเล่าจากผู้ปกครองเด็ก เหตุเกิดขึ้นกับเด็กสาว 3 ราย โดยเริ่มจากเด็กสาวรายแรกถูกล่อลวงไปที่บ้านหลังหนึ่งในคลอง 8 จ.ปทุมธานี ระหว่างที่พูดคุยกับวัยรุ่นชายคนหนึ่ง จากนั้น ผู้ก่อเหตุได้ล็อกห้องและลงมือข่มขืน

ต่อมา เด็กสาวอีก 2 รายถูกบังคับให้ไปที่บ้านหลังเดียวกัน โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ข่มขู่ว่าจะใช้อาวุธปืนหากไม่ยอมทำตาม เมื่อไปถึงบ้าน ผู้เสียหายรายหนึ่งถูกบังคับให้เข้าไปในห้องที่มีชายวัยรุ่นอยู่หลายคน เธอพยายามต่อสู้และกรีดร้องขอความช่วยเหลือ แต่ถูกข่มขู่ด้วยปืนและลงมือกระทำชำเราอย่างโหดเหี้ยม นอกจากนี้ ยังมีผู้หญิงที่อยู่ในเหตุการณ์พูดจาเชิงสนับสนุนการกระทำของผู้ก่อเหตุและทำร้ายร่างกายเด็กสาวซ้ำอีกครั้งหลังเกิดเหตุ

ผู้เสียหายอีกรายถูกข่มขู่ด้วยปืนให้เลือกระหว่างการถูกข่มขืนจากคนเดียวหรือจากทั้งกลุ่ม เธอขอร้องไห้ เหลือเพียงคนเดียวเพราะความหวาดกลัวอย่างที่สุด ก่อนจะถูกกระทำชำเรา จากนั้น ก็มีผู้ก่อเหตุอีกคนพยายามจะลงมือซ้ำ แต่เมื่อเห็นเด็กสาวร้องไห้อย่างหนักจึงยอมปล่อยตัวไปในที่สุด

หลังการร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ ได้รับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการสอบสวนและติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยพนักงานสอบสวนจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำเด็กผู้เสียหายโดยสหวิชาชีพร่วมสอบปากคำ เพื่อนำไปสู่การจับกุมตัวผู้กระทำความผิด

จ่าคิงส์ ได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 27 และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) ที่ห้ามมิให้มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเด็กและเยาวชนที่อาจทำให้เกิดความเสียหายทางด้านจิตใจและชื่อเสียง การกระทำใดๆ ที่เป็นการละเมิดหลักการดังกล่าวอาจมีโทษทั้งทางแพ่งและอาญา รวมถึงส่งผลกระทบในระยะยาวต่อสภาพจิตใจของเด็กที่ตกเป็นเหยื่ออย่างรุนแรง

ต่อมา เวลา 11.30 น. ภายหลังผู้เสียหายเด็กหญิงทั้ง 3 รายและผู้ปกครองเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม. แล้ว ได้ประสานไปยังสภ. ท้องที่เกิดเหตุ ซึ่งบ้านที่เกิดเหตุ ที่กลุ่มผู้ต้องหาใช้กระทำชำเรารุมโทรม เด็กผู้เสียหายเหล่านี้ คาบเกี่ยวอยู่ระหว่างสองท้องที่ คือสภ. หนองเสือ ปทุมธานี และ สภ.วังน้อย พระนครศรีอยุธยา ก่อนจะแนะนำให้จากคิงส์ และ อ.มานพ สีเหลือง พาผู้เสียหายเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนทั้งสองท้องที่ดังกล่าว เพื่อค้นหาจุดเกิดเหตุที่แท้จริงเอง จะได้ดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

ทางด้าน นาง เอ (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี หนึ่งในแม่ของเด็กหญิงผู้เสียหายหนึ่งราย กล่าวว่า ที่ต้องพึ่งจ่าคิงส์ เพราะว่าไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะวิ่งรอบไปพบตำรวจ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน จ่าคิงส์จึงได้พาตนมาพบพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่มีอำนาจสอบสวนทั่วประเทศ  แต่เมื่อพบแล้วได้รับคำตอบว่า ถ้าให้ทางปคม.ทำคดีก็จะต้องใช้เวลาประมาณสามเดือน แนะนำให้ไปท้องที่เกิดเหตุจะรวดเร็วกว่า สุดท้ายก็ให้เราวิ่งไปหาท้องที่เกิดเหตุเองในที่สุด

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน