วานนี้ (19 ส.ค. 2568) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มะเริง ได้รับแจ้งเหตุ สามีทะเลาะวิวาทกับภรรยา และลงมือทำร้ายภรรยาจนถึงแก่ชีวิต ที่ บริเวณริมถนนข้างกำแพงศูนย์การศึกษาหนองระเวียง โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ต.หนองระเวียง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา หลังรับแจ้ง จึงรีบรุดไปยังจุดเกิดเหตุ พร้อมประสานทีมนิติเวช รพ.มหาราชนครราชสีมา และอาสากู้ภัยฮุก 31 โคราช ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถกระบะ จอดอยู่ในป่าหญ้าข้างทาง และห่างออกไปเล็กน้อยพบร่างหญิงสาว 1 ราย สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทา กางเกงลายขายาว นอนเสียชีวิตอยู่ในป่าหญ้า ในลักษณะนอนตะแคงข้าง มีแท่งเสาปูน 1 เสา แตกหักอยู่ใกล้ ๆ โดยส่วนปลายแท่งเสาปูนทับอยู่ที่หน้าและหัวของผู้เสียชีวิต มีเลือดอาบเต็มใบหน้า จึงให้ทีมนิติเวช รพ.มหาราชนครราชสีมา ชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ ก่อนส่งร่างไปตรวจชันสูตรอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลอีกครั้ง

จากการตรวจสอบ ทราบว่า ผู้เสียชีวิตคือ น.ส.สุชาวนันท์ และผู้ที่ลงมือก่อเหตุเป็นสามี ชื่อ นายวรชาติ มีประวัติการเสพยาเสพติด โดยทั้งคู่ประกอบอาชีพสับมะละกอ ส่งตามร้านอาหารอีสาน-ร้านส้มตำ นอกจากนี้ ยังมีการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ จนทราบว่า ผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตได้ออกจากบ้านประมาณเที่ยงกว่า ๆ ก่อนที่นายวรชาติ ผู้ก่อเหตุ จะกลับมาที่บ้านในเวลา 14.00 น. หลังจากก่อเหตุสังหารภรรยาแล้ว
โดยเจ้าหน้าที่ สันนิษฐานเบื้องต้นว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะขับรถกระบะมาพร้อมกับภรรยาเพื่อจะกลับบ้านพัก แต่เกิดทะเลาะมีปากเสียง ลงมือทำร้ายร่างกายกันก่อนขณะเดินทางกลับ จนมาถึงจุดเกิดเหตุ รถได้เสียหลักตกถนน พุ่งไปที่ป่าหญ้าข้างทาง แล้วฝ่ายหญิงพยายามจะวิ่งหนีจากการทำร้ายของสามี แต่ไม่พ้น จนสามีได้ก่อเหตุคว้าเอาแท่งเสาปูนที่อยู่ในบริเวณนั้น มาทุบตีตามร่างกายและที่หัวของภรรยาหลายครั้งจนแท่งเสาปูนแตกหัก ส่วนภรรยานอนเลือดอาบและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จากนั้น สามีได้ทิ้งรถกระบะเอาไว้ แล้วไปขโมยรถจยย. ของชาวบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ ขี่หลบหนีกลับไปที่บ้านพัก

ทางเจ้าหน้าที่ จึงประสานขอกำลังเสริมจากชุดสืบจังหวัด ชุดสืบตำรวจภูธรภาค 3 และกำลังจากฝ่ายปกครองอำเภอเมือง เพื่อร่วมติดตามตัวผู้ก่อเหตุ จนทราบว่า หลบหนีไปบ้านพัก ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.มะเริง อ.เมืองนครราชสีมา และยังใช้อาวุธมีด จี้จับลูกทั้ง 3 คน เป็นตัวประกันด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันพื้นที่ ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป เพราะเกรงว่าผู้ก่อเหตุจะยิ่งเครียด จนลงมือทำร้ายลูกทั้ง 3 คน ก่อนจะปิดล้อมกดดัน และสามารถช่วยเด็กทั้ง 3 คนออกมาได้
ส่วนผู้ก่อเหตุยังไม่ยอมเข้ามอบตัว และยังอยู่อาการเหมือนเมายา ใช้เวลาเกลี่ยกล่อมอยู่นานแต่ไม่ยอมฟัง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ใช้กระสุนยางยิงใส่เพื่อเข้าควบคุมตัว แต่ก็ไม่สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ เนื่องจากผู้ก่อเหตุตัวใหญ่ จึงต้องใช้ปืนไฟฟ้ายิงเข้าที่ลำตัวตัวผู้ก่อเหตุ จึงสามารถเข้าควบคุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้สำเร็จ ก่อนที่จะควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชฯ และเมื่ออาการดีขึ้น จะควบคุมตัวไปให้พนักงานสอบสวน สภ.มะเริง สอบปากคำ เพื่อนำไปประกอบสำนวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป