
รวบแล้ว 3 โจรซอยจุ๊ ตระเวนขโมยวัวของเกษตรกร แล้วเอามาเชือดชำแหละไม่ห่างจากคอก เอาไปเฉพาะเนื้อ สารภาพเอาเนื้อไปขายให้เขียงเนื้อ
หลังจากเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2568 เกิดเหตุคนร้ายเข้าไปขโมยลูกวัวของชาวบ้านที่ อ.ลำปลายมาศ แล้วลากมาชำแหละเอาเนื้อไป เหลือเพียงซากกับส่วนหัว สร้างความมึนงงให้กับเจ้าของวัวและชาวบ้านเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการโจรกรรมแบบใหม่ต่างจากเดิมที่คนร้ายมักขนขึ้นรถไป
จากนั้น วันที่ 24 พ.ค. 2568 ได้เกิดเหตุแบบเดียวกัน คราวนี้เกิดขึ้นที่ ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อกันกับ อ.ลำปลายมาศ คราวนี้คนร้ายไม่ทราบจำนวนเช่นเดียวกัน เข้าไปขโมยวัวในคอกสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน เป็นวัวกำลังตั้งท้องได้ 2 เดือนอายุ 3 ปี สังหารและเอาไปชำแหละ ห่างจากคอกเลี้ยงสัตว์เพียง 15 เมตรเท่านั้น แต่ครั้งนี้คนร้ายชำแหละได้แค่ขาหน้า 2 ขา แต่ไม่เอาเนื้อไปคาดว่าน่าจะมีคนผ่านไปมาจึงหนีไปก่อน
ต่อมา พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้สั่งการเร่งด่วนให้เร่งตัวหาคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้เพราะถือว่าเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร
จนกระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ นำโดย พ.ต.อ.ยุทธพงษ์ รอดนวล ผกก.สืบสวนภูธรจังหวัด ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองสองห้องและตำรวจชุดสืบสวน สภ.ลำปลายมาศ สามารถจับพิกัดและตามรถต้องสงสัยเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน ผก 1976 บุรีรัมย์วิ่งอยู่บนถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ในเขตเทศบาลเมืองนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์
ซึ่งได้บรรทุกรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เป็นรถต้องสงสัยไปก่อเหตุขโมยวัวชาวบ้านตามที่ตำรวจแกะรอยตามมา ตรวจสอบภายในรถพบผู้โดยสารมาด้วยกันรวม 5 คนแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด เมื่อตรวจสอบพบ 3 ใน 5 คน เป็นบุคคลต้องสงสัยจึงเรียกตัวมาสอบถามเบื้องต้นให้การรับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุขโมยเชือดวัวชาวบ้านทั้ง 2 เคส
มีนายจันทร์ หรือ ต่อ ประชิดกลาง อายุ 43 ปี ,นายโกวิทย์ หรือ โก๋ กวดขุนทด (คนชำแหละร่วมกับนายต่อ) อายุ 42 ปี และนายอำพรรณ หรือเบส กวดขุนทด (ลูกชายนายโกวิทย์) อายุ 20 ปี ลูกชายนายโกวิทย์ นำตัวมาสอบสวนที่ สภ.หนองสองห้อง โดยทั้งสามให้การรับสารภาพระหว่างการทำแผนว่า นายโกวิทย์ เป็นหัวหน้าแก๊ง เคยเปิดเขียงเนื้อวัวอยู่ที่กำแพงเพชร ย้ายมาอยู่กับหลานที่บุรีรัมย์ ก่อนจะชักชวนให้หลานเปิดเขียงเนื้อขายข้างทาง
หลังจากนั้น ได้ชักชวนนาย จันทร์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของนายโกวิทย์ มาร่วมกันหาขโมยวัวแบบชำแหละเอาเนื้อ ซึ่งนายจันทร์ ได้แนะนำให้ไปขโมยวัวของอดีตแม่ยายที่เพิ่งถูกแม่ยายไล่หนีออกจากบ้านมาเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมาก่อน จึงเข้าไปขโมยเอาลูกวัวชำแหละได้สำเร็จ เอาไปขายให้เขียงเนื้อของหลานได้เงินมาประมาณ 2,000 บาท
นายโกวิทย์ หัวหน้าแก๊ง เล่าต่อหน้าพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ อีกว่า หลังจากนั้นได้วางแผนไปขโมยอีก ตอนนี้แบ่งหน้าที่กันชัดเจน นายจันทร์เป็นคนชี้เป้า ตนเองเป็นคนเชือด ให้ลูกชายเป็นคนดูต้นทาง ครั้งล่าสุดที่เข้าไปขโมยวัวของชาวบ้านที่ ต.ลุมปุ๊ก ระหว่างกำลังชำแหละเนื้ออยู่นั้น ลูกชายแจ้งว่ามีคนมาจึงยกเลิกรีบหนีออกมาก่อน เนื้อวัวที่ชำแหละได้ 2 ขาจึงปล่อยทิ้งไว้
ทางด้าน พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบหนึ่งใน 3 คนร้ายเคยได้รับใบอนุญาตให้ขายเนื้อสัตว์ โดยการหาเนื้อสัตว์จากโรงฆ่าสัตว์ หรือไปหาซื้อวัวเป็นมาชำแหละเอง แต่ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่มีเงินไปหาซื้อวัวจึงใช้วิธีนี้ ส่วนหนึ่งก็อยากฝากเกษตรกรให้มีระมัดระวังมากกว่านี้ เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้คนร้ายเข้าไปหาสัตว์เลี้ยงเราได้ง่ายเกินไป
ขณะที่นายสมศักดิ์ สุดตาซ้าย อายุ 60 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงวัว กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังมาดูการทำแผนว่า ก่อนหน้านี้หลังทราบข่า วยอมรับว่าผวาเพราะเลี้ยงวัวไว้หลายตัวไม่รู้ว่าตอนไหนจะมาถึง ถึงตอนนี้สบายใจมากฝากบอกถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วทั้งที่คนร้ายกำลังจะหนีออกนอกพื้นที่
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 3 ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะ และ พรบ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวจังหวัดบุรีรัมย์ รายงาน