
ผบช.ภาค 7 ลงพื้นที่บัญชาการตรวจสอบร่างดีเจเตเต้ ถูกมัดมือไพร่หลังจ่อยิงกระหม่อม 2 นัด คาดเสียชีวิตมาแล้ว 4 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตำรวจโทนัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นำกำลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ตำรวจชุดสืบสวนเมืองกาญจนบุรี ชุดสืบสวนภูธรลาดหญ้า พร้อมด้วยอาสาสมัครมูลนิธิ พิทักษ์กาญจน์ เดินทางเข้าตรวจสอบจุดพบศพของดีเจเตเต้ ซึ่งอยู่กลางป่าลึก ในพื้นที่หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยการเดินทางไปยังจุดพบศพต้องใช้รถโฟวิลลุยป่าเข้ามานานกว่า 20 นาที ก่อนจะเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 5 นาที ส่งของดีเจเตเต้ อยู่ในสภาพนอนตะแคง มีเชือกเปล สีเขียว มัดมือทั้งสองข้างไพร่หลังเอาไว้ สภาพศพเริ่มบวมอืดมีหนอนชอนไชยั้วเยี้ยส่งกลิ่นเหม็นพระคลุ้งไปทั่ว ตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้น พบรอยคล้ายกระสุนปืนที่บริเวณกระหม่อมจำนวน 2 นัด เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งสถาบันนิติเวชทำการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
สอบถาม ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นผู้มาพบศพคนแรก ให้ข้อมูลว่า เมื่อ 3 วันก่อน ตนเองเข้าป่ามาเดินหาเก็บของป่าและเก็บเห็ด แต่เนื่องจากในวันดังกล่าวมีฝนตกท้องฟ้ามืดครึ้มทำให้เดินหลงทาง เข้ามาบริเวณจุดที่พบศพ และพบขาของศพยื่นออกมาจากชายป่า ด้วยความตกใจจึงไม่กล้าเข้าไปดูใกล้ๆและรีบกลับไปที่บ้านของตัวเอง แต่เมื่อกลับไปที่บ้านแล้ว ตลอดทั้งคืนกลับเห็นแต่ภาพขาศพที่ลอยวนเวียนอยู่ในหัว จึงไปเล่าให้กับญาติฟัง ประกอบกับย่าเห็นข่าวของดีเจเจ้ที่หายตัวไป ในวันนี้จึงได้ตัดสินใจเดินทางกลับเข้ามายังจุดที่พบศพอีกครั้ง และเห็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของศพตรงกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ดีเจเตเต้ใส่ในคืนก่อนหายตัวไป ถึงแน่ใจว่าน่าจะเป็นศพของดีเจเตเต้ และรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า ให้เดินทางเข้ามาตรวจสอบดังกล่าว
ด้านนางสาวเปรมยุดา แฟนสาวของ DJ เตเต้ ให้ข้อมูลว่า ก่อนจะเกิดเรื่อง เคยมีการพูดคุยกับดีเจเตเต้ถึงเรื่องการเข้าไป ยุ่งเกี่ยวกับนางสาวน้ำหลายครั้ง โดยตนพยายามขออย่าให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกัน ซึ่งดีเจเตเต้ก็บอกว่าไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกันแล้ว ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้ จะรุนแรงถึงขั้นต้องเอาชีวิตกัน
ขณะที่ นายวิเชียร พ่อของดีเจเตเต้ กล่าวว่า หลังจากได้พบศพแล้วก็รู้สึกเบาใจขึ้น ที่อย่างน้อยก็ได้เจอศพลูกของตนเอง หลังจากนี้ก็จะเข้าไปทำพิธีเชิญวิญญาณ และนำศพของลูกกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดในอำเภอบ่อพลอย พื้นที่บ้านเกิด คงไม่นำไปยังจังหวัดกาฬสินธ์ ส่วนเรื่องของคดีความ ก็คงเป็นเรื่องของทนายความ ส่วนการติดตามตัวคนร้ายก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนพฤติกรรมการก่อเหตุของคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนจ่อยิงที่ศีรษะถึง 2 นัดถือว่าโหดเหี้ยมมาก ตนก็อยากจะฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยทำงานอย่างเต็มที่ติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ให้ชาวบ้านรู้สึกว่าตำรวจไทยสามารถเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.กาญจนบุรี รายงาน