อัจฉริยะ แฉตำรวจไซเบอร์รับส่วย รวยไม่ต่ำกว่า 5พันล้าน

อัจฉริยะ แฉตำรวจไซเบอร์รับส่วย รวยไม่ต่ำกว่า 5พันล้าน

วันนี้ 19 กุมภาพันธ์ 2568 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อมาให้ปากคำกับคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน และคณะพนักงานสอบสวน ในคดีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงิน 140 ล้านบาท หรือ “คดีเป้ รักผู้การฯ”

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการมายืนยันข้อเท็จจริง กรณีที่มีนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ สังกัดกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. ที่มีการเรียกรับสินบนเป็นเงินกว่า 660 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ไม่ได้มาจากการทำธุรกิจและเกี่ยวข้องกับนายเป้ ซึ่งเคยช่วยเหลือกันมาในคดีนี้ โดยตนเองและเคยสอบถามนายตำรวจคนนี้ไปว่าเงิน 660 ล้านบาท ได้มาอย่างไร ซึ่งได้รับคำตอบว่าได้มาจากธุรกิจถมดิน แต่แท้จริงแล้วเป็นเงินที่รับฟอกเงินให้กับ สำนักงาน ปปง. และเป็นเงินจากการเก็บส่วยของเว็บพนันออนไลน์ทั่วประเทศ

โดยวันนี้จะมายืนยันข้อเท็จจริงและนำไปสู่การยื่นต่ออธิบดีกรมสรรพากรในสัปดาห์หน้าเพื่อให้มีการตรวจสอบการเสียภาษีของรองผู้การ กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์คนนี้หากมีการทำธุรกิจจริงได้มีการจ่ายภาษีจำนวน 660 ล้านบาท นี้หรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นหากปล่อยไว้กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ช่วงระยะสามปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีการปราบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แต่ล้มเหลวในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แต่มีการรับส่วยเงินใต้โต๊ะมากกว่า 1,000 ล้านบาท

นายอัจฉริยะ ยังเปิดเผยว่า กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ มีการเรียกรับสินบนมีจากเว็บพนัน User ละ 30,000 - 50,000 บาทจากเว็บทั่วประเทศ ส่วนที่มีการออกข่าวว่าเกิดการจับกุมนั้นเป็นการจับกุมแบบปาหี่ แต่สุดท้ายก็ถูกศาลยกฟ้องหรืออัยการสั่งไม่ฟ้อง จากนั้นก็ได้มีการถอนอายัดทรัพย์สินอีกจำนวนมากให้แก่ผู้ต้องหา

นายอัจฉริยะ ยังบอกด้วยว่าตั้งแต่มีการก่อตั้ง กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เป็นระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันมีการรับส่วยมูลค่ามหาศาลมาโดยตลอด การจับกุมเป็นลักษณะปาหี่ ทั้งยังมีตำรวจนำชื่อนายพลตำรวจใหญ่ไปอ้างเรียกรับสินบนกับเว็บพนันทั่วประเทศ ซึ่งตนเองมีหลักฐานทั้งหมด ทั้งคลิปภาพเสียงและวิดีโอ ซึ่งจะเปิด หลักฐานแฉเมื่อไหร่ก็ได้

ทั้งนี้จะมีการตั้งทีมกฎหมายมาช่วย นายวีระ นาทรัพย์ หรือบอย พัทยา ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ว่ามีความผิดหรือไม่ หากไม่ผิดก็ต้องให้ความเป็นธรรมเพราะเรื่องนี้มีเรื่องของบุคคลที่สามเกี่ยวข้อง ซึ่งตนได้ข้อมูลว่าบุคคลที่สามยังไม่ถูกดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงิน ทั้งยังรับฟอกเงินให้กับตำรวจและนักการเมือง โดยหลังจากนี้ตนจะนำหมายศาลขอสเตทเม้นท์เดินบัญชีของ บุคคลที่สามเพื่อมาตรวจสอบว่ามีตำรวจและนักการเมืองคนไหนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ยืนยันว่าตนเอง มีหลักฐานทุกอย่างหากมีการฟ้องตนเองก็จะนำหลักฐานเอกสารทั้งหมดมาเปิดเผยพร้อมกับวิดีโอภาพและเสียงหลักฐานการโอนเงินการจ่ายเงิน

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ