รวบ โค้ชฟุตซอล ร.ร.ดัง บังคับลูกศิษย์มีสัมพันธ์หมู่

รวบ โค้ชฟุตซอล ร.ร.ดัง บังคับลูกศิษย์มีสัมพันธ์หมู่

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รรท.ผบก.ปคม. สั่งการ พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ ผกก.1 บก.ปคม. พ.ต.ท.นิติ ด่านไพบูลย์ รอง ผกก.1 บก.ปคม., พ.ต.ท.ชัยชนะ สุริยะวงศ์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคม. นำกำลังจับกุม นายธีรวัฒน์ หรือ โค้ชตูน อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 883/2568 ลงวันที่ 11 ก.พ.2568 ข้อหา “กระทำอนาจารเด็ก และพรากเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร, บังคับขู่เข็ญหรือชักจูงให้เด็กประพฤติมิชอบ” โดยจับกุมตัวได้ที่สนามกีฬาวิทยาลัยเทคโนโลยีทักษิณาบริหารธุรกิจ ถ.รามอินทรา แขวงและเขตคันนายาว กทม.

สืบเนื่องจาก นายธีรวัฒน์ หรือโค้ชตูน ผู้ต้องหารายนี้ มีตำแหน่งเป็นถึงโค้ชนักกีฬาทีมฟุตซอลโรงเรียนราชวินิตมัธยม โด่งดังในแวดวงกีฬานักเรียนเป็นอย่างมาก จากการพาทีมคว้าแชมป์ฟุตซอลกรมพลศึกษา 3 ปีซ้อน แต่กลับมีพฤติกรรมกระทำอนาจารนักเรียนชายที่เป็นนักกีฬาในทีมของตัวเอง ด้วยการบังคับให้ใช้มือและปากสำเร็จความใคร่ให้ตัวเอง และบ่อยครั้งยังมักบังคับให้นักเรียนชายร่วมเพศกับหญิงสาวพร้อมกับตนเองในลักษณะสวิงกิ้ง แล้วตั้งกล้องถ่ายคลิปวิดีโอบันทึกเก็บไว้ โดยทำเช่นนี้มานานกว่า 8 เดือน ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2567 ถึงเดือน ก.พ.2568 ที่ผ่านมา ตรวจสอบเบื้องต้นพบมีเด็กนักเรียนตกเป็นเหยื่อ 3 ราย โดยเหยื่อส่วนใหญ่จำยอมไม่กล้าขัดขืน เพราะถูกผู้ต้องหาใช้ตำแหน่งและอำนาจในการควบคุมนักกีฬาสั่งบังคับ

กระทั่งต่อมากลุ่มเด็กนักเรียนที่ตกเป็นเหยื่อเริ่มทนแบกรับกับพฤติกรรมของนายธีรวัฒน์ไม่ไหว นำเรื่องไปบอกให้ผู้ปกครองทราบ ก่อนพากันเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับทางตำรวจ ปคม. จนมีการรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ และนำมาสู่การตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว จากนั้นจึงนำตัวขยายผลเข้าตรวจค้นห้องพัก ก่อนสามารถตรวจยึดของกลาง ซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิด ประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ไอแพด 1 เครื่อง และเสื้อยืดและกางเกงขาสั้น 1 ชุด

ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์มือถือและไอแพดผู้ต้องหา พบภาพนิ่งและคลิปวิดีโอลามกอาจารของเด็กนักเรียนชายหลายราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักกีฬาฟุตซอลของทีม ในลักษณะกำลังสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง จึงตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน จากการสอบปากคำ นายธีรวัฒน์ให้การภาคเสธ อ้างว่าไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนหรือนักกีฬาในทีมแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าเคยให้ผู้เสียหายช่วยตัวเอง หรือ สำเร็จความใคร่ด้วยมือต่อหน้า แล้วบันทึกภาพวิดีโอเก็บไว้จริง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม.ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ