จนท.บอกชัดๆ ล่อซื้อน้ำส้ม เพื่ออะไร

จนท.บอกชัดๆ ล่อซื้อน้ำส้ม เพื่ออะไร

จากดราม่าที่แม่ค้าออกมาเผยว่า ตนถูกเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตกลุ่มหนึ่ง วางแผนล่อซื้อน้ำส้ม 500 ขวด ก่อนบุกเข้าตรวจพร้อมถามหาใบอนุญาตขายน้ำส้ม พร้อมเรียกเก็บเงินค่าปรับเป็นเงิน 12,000 บาท ซึ่งต่อมา อธิบดีกรมสรรพสามิต สั่งตรวจสอบเหตุเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวแล้วนั้น

ล่าสุด แม่ค้าคนดังกล่าว เผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า กลุ่มชายทั้ง 6 คน ทำทีมานั่งทานสเต็กในร้าน บอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต แล้วก็เข้าไปดูของในร้านว่ามีน้ำอะไรบ้าง ก่อนจะถามว่าน้ำมีใบอนุญาตหรือไม่ จึงบอกไปว่าตนขายออนไลน์ ไม่ได้ทำขายแบบโรงงานใหญ่ เลยไม่รู้ว่าต้องทำใบอนุญาต จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็นับน้ำส้มทั้งหมดและคิดค่าปรับ

ก่อนที่กลุ่มชายดังกล่าวจะเข้ามาที่ร้าน ตนได้ทักแชตเฟซบุ๊กไปสอบถามคนสั่งน้ำส้มว่า จะมารับกี่โมง จะมารับจริงหรือไม่ ปรากฏว่าไม่ตอบ ก่อนจะบล็อกเพจร้านไป เมื่อนำเฟซบุ๊กอื่นไปเช็กดูข้อมูลคนสั่ง พบว่า ชายคนดังกล่าวแต่งกายเป็นเจ้าหน้าสรรพสามิต บางภาพพบว่าเป็นคนกลุ่มเดียวกันที่มาล่อซื้อน้ำส้ม ขณะนั้นตนไม่ได้อยู่ในร้าน ทำได้แค่ดูกล้องวงจรปิดผ่านมือถือและแคปภาพไว้ ส่วนเงิน 12,000 บาท ที่เสียไปไม่คิดว่าจะได้คืน ก็คงปล่อยให้เรื่องจบไป

ต่อมาเจ้าตัวได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า โทร. ไปถามที่กรมสรรพสามิตมาแล้ว ไม่ต้องมีใบอนุญาตได้ เนื่องจากเราไม่ได้ตั้งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ขายของเล็ก ๆ ปกติ ขอบคุณทุกออร์เดอร์ที่ให้ความช่วยเหลือขอบคุณสื่อทุกสื่อที่ติดต่อ แต่เราไม่สะดวกจริง ๆ ที่โพสต์ลงไปเพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนตัวเองและแม่ค้าด้วยกัน ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ๆ ทั้งสิ้น ใครทำอะไรไว้ขอให้ได้รับผลกรรมนั้น

ด้าน กรมสรรสามิต ออกแถลงใจความว่า กรณีดังกล่าวได้รับแจ้งเบาะแสจากผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่เสียภาษีอย่างถูกต้องว่า มีบางโรงอุตสาหกรรมผลิตเครื่องดื่มที่ไม่ได้มาตรฐาน และยังไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิตนำไปขายยังสถานที่ต่าง ๆ ในพื้นที่เลียบทางด่วนรามอินทรา ซึ่งรายนี้ (เคสน้ำส้ม) เป็นรายที่ 5 เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต จึงได้ทำการให้คำแนะนำเพื่อให้เข้ามาอยู่ในระบบและเสียภาษีสรรพสามิตอย่างถูกต้อง โดยไม่ได้เรียกค่าปรับเงิน จำนวน 12,000 บาท ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

โฆษกกรมสรรพสามิต ชี้แจงเพิ่มเติมว่า กรณีน้ำส้มเป็นข้าราชการกรมสรรพสามิตจริงพื้นที่กรุงเทพมหานคร 5 ฝ่ายตรวจสอบป้องกันและปราบปราม แต่ไม่ได้เรียกค่าปรับเงิน 12,000 บาท เพราะการจะปรับต้องมีเงินส่งคลังเป็นรายได้ของแผ่นดิน หากปรับจริงหรือเรียกรับเงินตามที่แม่ค้ากล่าวอ้าง ให้นำหลักฐานมาโชว์ กรณีนี้เป็นแค่การประเมินคร่าว ๆ ให้ทางร้านฟัง ซึ่งอาจเป็นเรื่องไม่ถูกเท่าไร แต่ยืนยันว่าแค่อธิบายให้ฟังไม่ได้ปรับ หลักเกณฑ์ไม่ได้อยู่ที่ร้านเล็กร้านใหญ่ อยู่ที่วิธีการผลิต ถ้าทำเอง ดื่มเอง ขายเองที่ร้าน 10 ขวด 20 ขวดนั้นไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าผลิตเพื่อจำหน่ายในแง่อุตสาหกรรม มีการปิดผนึก ติดฉลากส่งไปขายตามสถานที่ต่าง ๆ เข้าข่ายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมต้องเสียภาษีสรรพสามิต

ส่วนคำถามว่าทำไมเจ้าหน้าที่ต้องสั่งให้แม่ค้าผลิตเยอะถึง 500 ขวดแล้วไปล่อซื้อ โฆษกกรม สรรพสามิต กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดที่ไปล่อซื้อเขาต้องการทราบว่า ร้านนี้เข้าข่ายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมหรือไม่ หากไม่ทำแบบนี้ ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าร้านดังกล่าวเปิดผลิตน้ำส้มบรรจุขวดแบบไหน

เมื่อถามไปที่แม่ค้าน้ำส้มอีกว่าเสียค่าปรับ 12,000 บาท จริงหรือไม่ เพราะโฆษกกรมสรรพสามิต ยืนยันว่าไม่ได้เรียกค่าปรับเงิน ทางแม่ค้าบอกว่า เธอผิดตรงที่ไม่มีหลักฐาน ไม่สะดวกให้ข้อมูลอะไร และไม่สะดวกให้ดูกล้องวงจรปิดในร้าน มีแต่ภาพนิ่งเท่าที่เธอแคปไว้เท่านั้น

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ