บริษัทนักการเมือง หลอกให้ปลูกกัญชาไปแปรรูป ให้บริษัทเบียร์ชื่อดังศูนย์เงินกว่า 500 ล้าน

บริษัทนักการเมือง หลอกให้ปลูกกัญชาไปแปรรูป ให้บริษัทเบียร์ชื่อดังศูนย์เงินกว่า 500 ล้าน

วันที่ 30 ตุลาคม 66 สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กลุ่มเกษตรกรนับ 10 คน จากหลายจังหวัด เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือ ทั้งหมด เนื่องจากเกษตรกรกว่า 100 ราย ที่ไม่สามารถเดินทางมาด้วยในวันนี้ได้รับความเดือดร้อนจากพี่ชายนักการเมืองชื่อดังของพรรคก้าวไกล ที่เดินสายออกพบเกษตรกรหลายจังหวัด และแนะนำให้ปลูกกัญชา เพื่อนำดอกมาแปรรูป ชั่งน้ำหนักส่งขายให้บริษัทเบียร์ชื่อดัง Heineken และจะทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำมากกว่าปลูกพืชชนิดอื่น ทำให้กลุ่มเกษตรกรหลายจังหวัดพากันหลงเชื่อ ลงทุนปลูกกัญชาพืช เศรษฐกิจที่คิดว่า กำลังบูมและสามารถสร้างรายได้ ต่างพากันลงทุนแต่ละราย สูญเงินหลักแสนและหลักหลายๆล้าน แต่สุดท้ายเมล็ดกัญชาที่ซื้อมาจากตัวแทนบริษัทของญาตินักการเมืองกับไม่มีคุณภาพเมื่อนำมาปลูกแล้วไม่มีดอกผลอย่างที่แอบอ้าง กลับถูกทางพี่ชายนักการเมืองรายนี้ บอกว่าพวกตนปลูกกัญชาไม่ตรงตามสเปคไม่มีคุณภาพไม่สามารถรับซื้อได้

นายวิเชียร แซมทอง อายุ 40 ปี เกษตรกร จากจังหวัดกาฬสินธุ์ และเป็น ตัวแทนกลุ่มในครั้งนี้ กล่าวว่า ตนเองได้รับการ ติดต่อจากเจ้าหน้าที่ ของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนายธนพกรณ์ ศิริ พี่ชายนายณัฐกานต์ ศิริ อดีตผู้สมัคร ส.ก.เขตสายไหมพรรคก้าวไกล ให้ซื้อเมล็ดกัญชาพันธ์ บูดรีม ในราคาซองละ 450 บาท พันธ์ "แคลิฟอร์เนีย" ราคาซองละ 650 บาท โดยตกลงกันว่าหากกัญชาให้ดอกผลแล้วนำมาขายได้กิโลกรัมละ 130,000 บาท แต่พอนำดอกกัญชาไปชั่งกิโลขาย กับให้ตนแค่โลละ 30,000 บาท อ้างว่าดอกกัญชา ไม่มีคุณภาพ ให้ราคาได้แค่นี้ ทำให้ตนเสียหายกว่า 1.3 ล้านบาท จึงได้รวมตัวกับเกษตรกรอีกหลายจังหวัดมาร้องเรียนทนายเพื่อขอให้ช่วยเหลือ

นางสาวแสงตะวัน ชูแจ่ม อายุ 60 ปี( เสื้อยืดสีเหลืองสวมทับด้วยเสื้อยีนส์แขนยาวสีน้ำเงิน)เกษตรกรจากจังหวัดสุโขทัย เผยว่าตนลงทุนปลูก กัญชาในพื้นเนื้อที่ 6 ไร่ ซื้อเมล็ดพันธุ์กัญชา มาปลูก 4,800 ต้น ปรากฏว่าต้นกัญชาไม่มีดอกผล อย่างที่ตัวแทนแอบอ้าง ทำให้ตนต้องเสียหายขาดทุนไปกว่า 12 ล้านบาท จนเป็นหนี้เป็นสินที่ไปกู้เงินมา สอบถามไปทางบริษัทตัวแทนก็อ้างว่า ตนปลูกไม่ถูกวิธี ทำให้ต้นกัญชาไม่งอกงาม และไม่มีคุณภาพ

นายพงศพัฒน์ โสขุ มา อายุ 58 ปี (เสื้อยีนส์สีน้ำเงินแขนยาว) เกษตรกรจากจังหวัดสุพรรณบุรี เผยว่า ตนลงทุนปลูกโรงไม้เป็นอาคารขนาดใหญ่ 2 โรง ในปีพ.ศ 2565 ปลูกต้นกัญชาจำนวน 1,600 ต้น แต่สุดท้าย กัญชาที่ซื้อมาจากเมล็ดพันธุ์ของพี่ชายนักการเมืองรายนี้ กลับไม่มีคุณภาพไม่มีดอกผลตามที่แอบอ้าง ทำให้ตนต้องขาดทุนไปถึง 4 ล้านบาท

ส่วนรายสุดท้ายและเป็นอาแท้ๆของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี คือนาง ศรีคีรี เทพสุทิน อายุ 74 ปี เกษตรกรจากจังหวัดสุโขทัย (คนผมขาวใส่แว่นดำเสื้อแขนยาวสีครีมพับแขน) เล่าว่า ตนปลูกกัญชา กว่า 400 ต้น ในปี 65 และ 66 ปรากฏว่าเมล็ดพันธุ์กัญชาที่ซื้อมาจากบริษัทดังกล่าว ไม่สามารถให้ดอกผลได้ ทำให้ต้องสูญเงินกว่า 9 แสนบาท ก่อนจะลงทุนปลูกกัญชาในครั้งนี้ก็เคยแจ้งให้นายสมศักดิ์ ได้รับทราบ ซึ่งตัวนายสมศักดิ์เอง ก็เตือนตนเองแล้วว่าให้ระวังอย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดท้าย ตนกับเพื่อนเกษตรกรหลายจังหวัดก็ต้องได้รับความเสียหายสูญเงินกันเป็นจำนวนมากจากการลงทุนปลูกกัญชาในครั้งนี้ จึงต้องรวมตัวกันมาร้องเรียนกับทนายรณฯรงค์ เพื่อให้ช่วยเหลือ

ทางด้านทนายรณรงค์ กล่าวว่า คนอื่นต้องไปดูว่าบริษัทแห่งนี้ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ เขาคุยอะไรกันกับผู้เสียหาย ถ้าเขาคุยกันแล้วเมล็ดพันธุ์กัญชาไม่ตรงตามที่มีการโฆษณาไว้โดยเฉพาะข้อสำคัญบริษัทที่มาชักชวนทางบริษัทให้กับทางบริษัทแม่ข่าย เขามีคอนแทคกับบริษัท เบียร์จริงหรือเปล่า ถ้าไม่มีไม่จริงอันนั้นคือฉ้อโกง พอฉ้อโกง มันมีการขยายออกมา แม้แต่ตัวบริษัทแม่ก็จะถูกดำเนินคดีไปด้วย ตัวบริษัทแมข่ายก็จะโดนไล่ย้อนกันไปต้องระมัดระวังอันไหนรู้สึกว่าเราไปชวนคนมาแล้ว เราเป็นผู้เสียหาย ต้องรีบออกมาแจ้งความเพื่อรักษาสิทธิ์ตัวเองว่าเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไปหลอกคนมาปลูกกัญชา ตนเตือนด้วยความรักเพราะเห็นว่ามีบริษัทแม่ข่ายหลายบริษัท ในวันพรุ่งนี้ ตอนจะนำผู้เสียหายทั้งหมด เดินทางไปร้องเรียน ขอความเป็นธรรม ที่สำนักนายกรัฐมนตรี

วุฒิไกร พิมพ์เงิน ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ