เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2566 เพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ‘ชาดา’ ให้ลูกเขย ลาออกนายกเทศบาล ตลุกดู่ อุทัยธานี ให้มีการเลือกตั้งใหม่ สร้างมาตรฐานใหม่การเมืองท้องถิ่น หลังก่อนหน้าให้ ผู้ว่าฯ สั่งพักการทำหน้าที่ ยัน ในฐานะพ่อรักลูกทุกคน และได้ทำหน้าที่ในฐานะ รมช.มหาดไทยแล้ว ขอร้องว่า “อย่าเอาลูกหลานของผมมาโจมตี” วันที่ 25 ต.ค.66 เวลา 12.00 น. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ภายหลังชี้แจงต่อ กมธ.การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร

โดยกล่าวว่า ตนพูดไว้ว่าต้องเก็บกวาดบ้านตัวเองไว้ก่อน เรื่องนี้ในฐานะ รมช.มหาดไทย ตนโทรหาผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีว่า ให้สั่งพักปฎิบัติหน้าที่ (ลูกเขย ที่เป็นนายกเทศบาลตลุกดู่) ได้หรือไม่ ขอให้ฟังดีๆ และใช้สมองคิด นายชาดากล่าวว่า เมื่อวานลูกเขยตนได้รับการประกันตัว ได้มีการพูดคุย ซึ่งเขาได้มีการขอโทษแล้ว ตนบอกว่าไม่ต้องพูดอะไร แต่สิ่งที่คุณต้องทำคือการลาออกจากการเป็นนายกเทศมนตรี เพื่อให้จังหวัดจัดการเลือกตั้ง การรอการพักปฎิบัติหน้าที่ ถือว่าเป็นการเอาเปรียบ ปล่อยทิ้งพี่น้องประชาชนในตำบล ดังนั้นหากลาออกกระบวนการจะต้องมีการจัดเลือกตั้งใหม่ ใครจะลงก็ว่าไปตามระบบ ถือเป็นว่ามาตรฐานของสังคมไทยในทางการเมืองท้องถิ่น

นายชาดาย้ำว่า นายวีระชาติ รัศมี ลาออก เมื่อเวลาประมาณ 5 ทุ่มของวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา (หลังได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เวลาประมาณ 4 ทุ่มเมื่อคืนวันที่ 23 ต.ค.) นายชาดา กล่าวต่อว่า การทำแค่พักการปฏิบัติหน้าที่ คนที่ไปจับกุมก็จะเสียความรู้สึก เพราะทีมชุดเดิมของนายกก็ยังทำงานต่อ รอจนกว่าคดีสิ้นสุด แต่ครั้งนี้ ตนให้ลาออก เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในทางการเมืองท้องถิ่น ทั้งนี้ ตนในฐานะพ่อต้องกอดลูกทุกคนด้วยความรักความอบอุ่น และเดินไปด้วยกัน แม้ทางเดินจะเป็นอย่างไรก็ตาม

ภาพจาก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

แต่ครอบครัวของตน ตนรัก และตนทำหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว และขอร้องว่า อย่าเอาลูกหลานของผมมาโจมตี เอารูปลูกผมมาออก แอคเคาท์อวตาร ไอโอทั้งหลาย ขออย่าเอาลูกหลานของผมมาโจมตี เพราะมันจะเกิดสงครามโซเชียล วันนี้คนไทยต้องรักกัน รักสามัคคีกัน สำนึกในกะลาหัวว่าตอนนี้จะเกิดสงครามโลกอยู่แล้ว ออกข่าวทุกวัน ไม่ใช่มาด่ากันในประเทศนี้ อย่าทำอะไรที่มันไม่สร้างสรรค์” จากนั้นนายชาดาได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติม