
แฟนๆใจหาย แพรรี่ ไพรวัลย์ เตรียมโบกมืออำลาวงการบันเทิง คงถึงเวลาที่ต้องทำตามสัญญา จะไม่ได้เห็นหน้าในสื่ออีก
แฟนๆใจหาย แพรรี่ ไพรวัลย์ เตรียมโบกมืออำลาวงการบันเทิง คงถึงเวลาที่ต้องทำตามสัญญา จะไม่ได้เห็นหน้าในสื่ออีก
คลิป
แฟนๆใจหาย แพรรี่ ไพรวัลย์ เตรียมโบกมืออำลาวงการบันเทิง คงถึงเวลาที่ต้องทำตามสัญญา จะไม่ได้เห็นหน้าในสื่ออีก เผยไม่มีใครไล่แต่มีความฝันที่อยากไปทำตั้งแต่ตอนสึก
ทำเอาแฟนใจหายกันมากเลยทีเดียว เมื่อ ไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือ แพรรี่ หนึ่งในคนดังที่โลดแล่นในวงการบันเทิง โด่งดังแบบพลิกผันชั่วข้ามคืน จากเส้นทางการเดินสายธรรมะมาก่อน ตั้งแต่อายุ 12 ปีเพียงเท่านั้น บวชเรียนมาหลายปีจนกระทั่ง ในปี 2564 เจ้าตัวได้ลาสิกขา ด้วยเหตุผลไม่ได้รับความเป็นธรรมจากองค์กรสงฆ์
หลังจากที่ลาสิกขามาแล้วก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปทำในสิ่งที่ชอบในสิ่งที่ใจรัก จนกลายเป็นคนละคนและมีเอฟซีแฟนคลับเยอะแยะมากมาย จนกระทั่งได้มีโอกาสเข้าวงการบันเทิงแบบไม่ทันคาดคิด
หากใครได้ติดตามจะเห็นได้ว่า เจ้าตัวทำงานในวงการบันเทิงมาหลายบทบาท ไม่ว่าจะเป็น พิธีกร นักแสดง อินฟลูเอนเซอร์ ผู้ประกาศข่าว และงานอื่นๆมากมายในวงการบันเทิงเจ้าตัวก็ผ่านมาหมดแล้ว ทำให้ปัจจุบันมีฐานแฟนคลับติดตามกันเพิ่มมากขึ้นทุกวันและคอยสนับสนุนผลงานของเจ้าตัวมาโดยตลอด
แต่ล่าสุดก็ทำเอาหลายๆคนใจหายกันอย่างมาก เพราะเจ้าตัวได้เตรียมอำลาวงการบันเทิงอย่างจริงจัง เพื่อที่จะไปทำตามความฝันของตัวเอง โดยได้ออกมาโพสต์ลงในเฟสบุ๊คระบุว่า
ทำงานหน้ากล้องมากว่า 1 ปีเต็ม ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาแล้วนะคะ ที่ดิฉันจะอำลาหน้าที่การงานที่ได้ทำอยู่ตอนนี้ ขอบคุณแสงสีที่สาดส่องเข้ามาตลอดระยะเวลาของการทำงานอยู่ในวงการบันเทิง (คงจะพูดได้แหล่ะ)
ขอบคุณโอกาสและความเมตตาเอ็นดูจากผู้ใหญ่หลายๆท่าน ซึ่งมองเห็นศักยภาพและความสามารถอันเล็กน้อยที่มีอยู่ในตัวของดิฉันนะคะ ถ้าไม่มีท่านเหล่านี้ ต่อให้ดิฉันอยากจะได้แสดงความสามารถแค่ไหน ก็คงไม่มีเวทีให้ได้แสดง
มีดวงเรืองก็ต้องมีดาวโรย อันนี้มันเป็นของคู่กันนะคะ ตอนนี้ดูเหมือนว่าดิฉันอยากจะรับบทเป็นดาวโรยแล้วหล่ะ ดิฉันคิดว่า ถึงเวลาที่ดิฉันควรจะหยิบหิ้วกระเป๋าสัมภาระและเก็บของนั่งรถกลับบ้านนาที่จากมาได้แล้ว
ต้องบอกนะคะว่า การที่ดิฉันได้มาอยู่ตรงจุดนี้ จุดที่ตัวเองกำลังยืนอยู่ มันเป็นเรื่องที่เกินฝันมากๆ และถึงตอนนี้ก็ไม่มีความทะเยอทะยานอะไรที่ดิฉันอยากจะได้รับไปมากกว่านี้แล้วค่ะ
คงต้องขออนุญาตขอบคุณและบอกลากันตั้งแต่เนิ่นๆว่า หลังปลายปีนี้ คงจะไม่ได้เห็นดิฉันในบทบาทฐานะของนักแสดงและพิธีกรตามรายการต่างๆ อย่างที่เคยเห็นมาแล้วนะคะ และก็ไม่ใช่เป็นเพราะว่ามีใครที่ไหนมาขับไล่ไสส่งดิฉันไปจากจุดนี้ ไม่มีค่ะ
ทุกเรื่องเป็นเพราะดิฉันได้ตัดสินใจด้วยตัวเองแล้วว่าดิฉันต้องการให้ชีวิตของตัวเองดำเนินต่อไปแบบไหน ด้วยหน้าที่การงานอย่างไร เมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องเลือกและแลกค่ะ
ปีหน้าหลังหมดงานในวงการ คงมีหลายเรื่องที่ดิฉันอยากทำและได้ทำเพื่อตัวเองอย่างจริงๆจังๆ ทั้งการปลูกผมที่คิดไว้นานแล้ว การได้อยู่ดูแลแม่ตัวเอง ซึ่งระยะหลังนี้ แม่ก็พูดเปรยๆ ว่ารู้สึกมีความสุขและมีกำลังใจมากขึ้นเวลาที่มีเราอยู่บ้านด้วย อีกเรื่องก็การทำคาเฟ่ร้านอาหาร นี่ก็เป็นความฝันที่เคยสัญญากับตัวเองไว้ตอนสึกใหม่ๆ ว่าอยากทำ คงถึงเวลาที่ต้องทำตามสัญญาแล้วหล่ะ
ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามและให้กำลังใจกับดิฉันมาโดยตลอดนะคะ ขอบคุณที่รักและเอ็นดูความเป็นแพรรี่ในตัวของดิฉัน ขอบคุณที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บทบาทของการทำงานในวงการบันเทิงของดิฉันประสบความสำเร็จในแบบที่ดิฉันพอใจ ขอบคุณค่ะ
หลังจากโพสต์ได้กล่าวได้ถูกเผยแพร่ทางโซเชียล ก็มีผู้คนมากมายเข้ามาคอมเม้นต์ทั้งให้กำลังใจและเสียดายที่จะไม่ได้เจอกันอีก แต่ทั้งนี้แพรลี่ก็ได้ออกมาคอมเม้นต์ต่อโพสต์เดิมด้วยว่า
ลาก่อน = เจอกันในโซเชียลทุกวันค๊าา สติ ก็ทำเอาแฟนๆใจหายกัน นึกว่าจะไม่ได้เจอหน้าเลย แต่จริงๆแล้วสิ่งที่แพรลี่จะสื่อ ก็คือการไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงแล้ว ไม่ได้เจอหน้าจอทีวีหรือช่องทางต่างๆ แต่จะยังคงเจอกันได้ตามโลกออนไลน์โซเชียลของแพรลี่ ไพรวัลย์ นั่นเอง เพราะเจ้าตัวยังจะมาคอยอัปเดตการใช้ชีวิตเรื่อยๆให้เห็นอยู่เป็นประจำเหมือนเดิมไม่หายไปไหน
อีกทั้งแฟนๆก็เข้ามาคอมเม้นต์ ไม่ว่าแพรลี่จะไปอยู่ที่ไหนก็จะยังคงซัพพอร์ตและให้กำลังใจอยู่เสมอ อีกทั้งร้านคาเฟ่ร้านอาหารที่มีแพลนจะเปิด ก็พร้อมที่จะสนับสนุน อยู่ไกลแค่ไหนก็จะตามไป
ส่วนสาเหตุที่หลายๆคนสงสัยว่าเพราะอะไรแพรลี่ถึงอยากกลับบ้านไปอยู่กับแม่ ไปดูแลแม่ นั่นก็เพราะเจ้าตัวไม่ค่อยมีโอกาสที่จะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากเท่าไหร่นัก
แพรรี่ ไพรวัลย์ หรือ ไพรวัลย์ วรรณบุตร อดีตพระนักเทศน์ เป็นพระลูกวัดประจำ วัดสร้อยทอง พระอารามหลวง เกิดที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ในวัยเด็กครอบครัวมีฐานะยากจน พ่อแม่ทำงานเป็นรับจ้างก่อสร้าง ทำให้เรียนได้เพียงแค่ชั้น ป.6
นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เข้าบวช ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่ จ.สุโขทัย ตั้งแต่อายุได้เพียง 12 ปี ระหว่างนั้นก็ได้เรียนนักธรรมและบาลี จนจบ เปรียญธรรม 7 ประโยค ก่อนที่จะย้ายมาเรียนต่อที่วัดสร้อยทองตามคำแนะนำของอาจารย์ท่านหนึ่ง
เรียนจบนักธรรมเอกและเป็นสามเณรรูปแรกของจังหวัดสุโขทัยที่เรียนจบ เปรียญธรรม 9 ประโยค ต่อมาได้เรียนต่อ ปริญญาโทพุทธศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย และ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
แพรรี่ หรือ ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักจากการเข้าร่วมเฟรมกับหมอปลา เพื่อช่วยกันให้ความรู้และความเข้าใจกับคนที่ได้รับความเดือดร้อนและเข้ามาร้องเรียนกับทางหมอปลา ก่อนที่จะรู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น เมื่อได้มาร่วมไลฟ์สดกับอดีตพระมหาสมปอง หรือ สมปอง นครไธสง
โดยเนื้อหาของการไลฟ์ก็เป็นการเล่าเรื่องกิจประจำวันของพระสงฆ์ พร้อมกับสอดแทรกเรื่องราวธรรมะในเวลาเดียวกัน ในรูปแบบที่ฟังง่ายและยังชวนขบขัน ทำให้มีผู้คนเข้ามาชมไลฟ์สดด้วยกันถึงหลักแสนต่อวัน แถมยังเป็นผู้ที่มีฉายาว่า อรุ่มเจ๊าะ และผู้ปลุกกระ พส ที่แปลว่า พระสงฆ์ อีกด้วย
จนต้นเดือนธันวาคม 2564 ไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้ตัดสินใจลาสิกขา ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากองค์กรสงฆ์ ทั้งเรื่องดราม่าหลากหลายและรวมถึงออกมาเพื่อดูแลแม่ที่ป่วยเข้ารักษาผ่าตัดมะเร็ง จึงได้หันมาเปิดธุรกิจส่วนตัวและยังเป็น ครีเอเตอร์ นักเขียน นักแสดง และอีกหลายๆบทบาทมากมายตามที่เราได้เห็นกันนั่นเอง
อย่างไรก็ตามแม้จะลาสิกขามานานแล้วกลายเป็นคนทำอาชีพทั่วๆไป เจ้าตัวก็ยังคงสอดแทรกเรื่องของธรรมะได้ดีอยู่เสมอ ไม่แปลกใจเลยจริงๆที่จะมีแฟนคลับชื่นชมและติดตามกันอยู่จนถึงทุกวันนี้
เรียบเรียง siamnews