อย่าพึ่งด่า เพื่อนบ้านขอแจงดราม่า ปมยึดบ้านเก่าที่เจ้าของซื้อทิ้งไว้ ต่อเติมทำออฟฟิศ

อย่าพึ่งด่า เพื่อนบ้านขอแจงดราม่า ปมยึดบ้านเก่าที่เจ้าของซื้อทิ้งไว้ ต่อเติมทำออฟฟิศ

จากกรณีดราม่าที่กลายเป็นเรื่องฟ้องร้องโด่งดังไปทั่วทั้งโซเชียล เมื่อหลานเจ้าของบ้าน ได้ของขวัญแต่งงานจากอากู๋ เป็นบ้านหลังหนึ่งที่ซื้อทิ้งไว้เมื่อ 30 ปีก่อน แต่เมื่อเข้าไปดูบ้านหลังดังกล่าวกลับเปลี่ยนไปมาก แม้แต่อากู๋เองยังทำไม่ได้ เพราะมีเพื่อนบ้านเข้าไปอยู่ ต่อเติมโครงเหล็ก เปลี่ยนรั้ว, หน้าต่าง, ชักโครก โดยไม่ได้แจ้งเจ้าของบ้าน ทำเป็นออฟฟิศเลยทีเดียว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา รายการโหนกระแส ได้สอบถาม อาย และ ซัน หลานเจ้าของบ้าน, ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความชื่อดังพร้อมกับสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ อากู๋เหม เจ้าของบ้าน และ นุ คู่กรณี โดยอาย เริ่มว่า ตนมีแพลนจะแต่งงานปลายปี อากู๋ จะมอบบ้านให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน เป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่ ตนขับรถเข้าไปดูบ้าน พบว่าบ้านไม่ได้อยู่ในสภาพเดิม เพราะเพื่อนบ้านเข้าไปอยู่และมีการต่อเติม

ส่วน อากู๋ เจ้าของบ้าน เผยว่า ตนซื้อบ้านนี้มาตั้งแต่ 2534 ช่วงแรก ๆ ไปดูบ้าง แต่หลัง ๆ การงานยุ่ง ไม่ได้ไปดู จนเกือบจะลืมไปแล้ว ส่วนเงินค่ารีโนเวทที่เพื่อนบ้านเรียกเก็บ ถ้าเราจะจ่ายต้องเป็นสิ่งที่เราต้องการ มันผิดตั้งแต่แรกที่เขาบุกรุก เขาต้องจ่ายตน ทำให้ทรัพย์สินเราเสียหาย ของเดิมมันหายไปไหน

ต่อมา นุ คู่กรณี ยอมรับว่า ต่อเติมบ้านหลังดังกล่าวจริง เป็นเพียงพนักงานของบริษัทผู้รับเหมาที่อยู่ข้าง ๆ บ้าน แต่มีประสงค์จะซื้อบ้านหลังนี้ เพราะอยากได้บ้านหลังนี้พยายามติดต่อเจ้าของบ้านเพื่อจะขอซื้อไปแล้วแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้

ส่วนเรื่องการต่อเติมบ้านนั้น ก็จะมีพื้นที่หลังบ้านเขา เราขอแค่ต้องกินข้าวกลางวัน เมื่อก่อนเป็นโพรงหญ้า ส่วนโครงเหล็กต่อเติมจริง ส่วนกรณีที่มีคลิปชายปริศนาออกมาแฉว่าบ้านร้างหลังดังกล่าวมีการแอบเล่นการพนัน เพื่อนบ้ายรายนี้ปฏิเสธตอบคำถาม พร้อมชี้แจงว่าไม่ขอคุยประเด็นอื่น

นุ ชี้แจงต่อว่า ประเด็นที่กังวลว่าเป็นการเข้ามาครอบครองปรปักษ์ ถ้าอยากทำ ก็ทำได้ แต่ตนไม่ทำ ไม่อยากได้ของคนอื่นฟรี ๆ อยากซื้อบ้านด้วยตัวเอง ตอนนี้ตนรื้อของออกให้หมดแล้วด้วย ประตูขอหรืออะไรที่อยากได้เดิม ๆ ตนก็ยินดีทำให้ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการจะเรียกร้องค่ารีโนเวทบ้าน และยินดีย้ายออก

ส่วนเรื่องราวหลังจากนี้ อาย ยอมรับว่า รู้สึกหวั่นใจ คงไม่กล้าเข้าไปอยู่ ส่วนประเด็นว่าจะขายบ้านให้คู่กรณีหรือไม่นั้น ต้องปรึกษาอากู๋เจ้าของบ้านและทนายเดชาก่อนว่าจะพิจารณาอย่างไร จากข้อมูลที่ค้นหามา ทราบว่าบ้านลักษณะนี้ มีราคาซื้อขายกันที่ 3 ล้านบาท แต่ น.ส.นุ แจ้งว่า จะซื้อในราคา 1.3 ล้านบาท

ขอบคุณ รายการ โหนกระแส, เที่ยงวันทันเหตุการณ์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ