
งงไปดิ เจ้าของบ้าน ซื้อบ้านทิ้งไว้ 30 ปี ถูกเพื่อนบ้านเข้ามาต่อเติมทำออฟฟิศ
เรื่องราวสุดงงวยนี้ เริ่มมาจากนายซัน อายุ 27 ปี ได้เดินทางมาพบกับทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายคลายทุกข์ พร้อมกับอากู๋เหม อายุ 64 ปี เพื่อขอคำปรึกษาคดีที่เพื่อนบ้านบุกรุกเข้ามายึดบ้านที่อากู๋ซื้อไว้เมื่อ 30 ปีก่อน แต่ไม่ได้อยู่และปล่อยทิ้งร้างมานาน พอกลับมาดูอีกที กลายเป็นว่าถูกเพื่อนบ้านยึดเป็นของตัวเอง เข้าไปต่อเติมรีโนเวทและใช้เป็นที่เก็บของ รวมถึงอยู่อาศัย
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
โดย อากู๋เหม บอกว่า ตนเองซื้อบ้านหลังนี้ด้วยเงินสดราคา 490,000 บาท เมื่อปี 2534 หลังจากซื้อต้องไปทำงานต่างจังหวัด ช่วง 10 ปีแรกมีแวะเวียนมาดูบ้าง หลังจากนั้นก็ไม่เข้ามาดูบ้านอีกเลย ปล่อยทิ้งไว้จนรกร้าง กระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ตนเองได้บอกกับนายซัน หลานชาย ที่กำลังจะแต่งงานว่า จะยกบ้านหลังดังกล่าวให้เป็นของขวัญแต่งงาน ซึ่งอยู่ย่านนวมินทร์ กรุงเทพฯ
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
โดยนายซันได้นำที่อยู่, เลขโฉนดไปค้นหาใน Google map Street View และนำภาพถ่ายปัจจุบันมาให้อากู๋เหมดู แต่พอดูแล้วคิอว่าไม่ใช่บ้านหลังนี้ เพราะบ้านที่ซื้อไว้ 30 ปีก่อน ไม่มีหลังคา มีแต่ต้นไม้ อยู่หน้าบ้าน วันรุ่งขึ้นจึงให้หลานชายลงพื้นที่ไปดูบ้านจริง ปรากฏว่าบ้านหลังดังกล่าวบ้านที่ซื้อไว้เมื่อ 30 ปีก่อนจริง แต่มีการต่อเติมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก จนจำไม่ได้เลย
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
ด้าน นายซัน บอกว่า ระหว่างที่ถามชาวบ้านละแวกนั้น ทางฝั่งคู่กรณีที่บุกรุก ได้เข้ามาสอบถามพูดคุย จากนั้นตนจึงแสดงตัวว่า ตนเองเป็นหลานเจ้าของบ้าน ทางฝั่งคู่กรณีก็พยายามขอรับผิดชอบด้วยการย้ายออก แต่ทางคู่กรณีจะขอเรียกเงินค่ารีโนเวทบ้าน ค่าซ่อมแซมบ้าน รวมถึงค่าดูแลบ้านมาโดยตลอด จึงทำให้การพูดคุยเริ่มมีอารมณ์ใส่กัน ตนเองจึงขอตัวกลับมาบ้านก่อน
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
จากนั้นจึงได้มาปรึกษากับทางทนายเดชา โดยทางทนายเดชา ก็ได้พูดถึงมุมมองในเคสนี้ว่า ถือเป็นความผิดชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งบุกรุก ลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ ผู้บุกรุกจะมาอ้างการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ เพราะการบุกรุกเพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อตอนปี 2560 และถือว่ายังไม่ขาดอายุความในข้อหาบุกรุก
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
ทางด้าน คุณนุ ผู้ถูกกล่าวหา เริ่มเล่าว่า ตนเองมาซื้อบ้านหลังแรกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านที่มีปัญหา เมื่อปี 2545 ตอนนั้นบ้านหลังดังกล่าวไม่มีผู้อยู่อาศัยปล่อยบ้านรกร้าง ต่อมา ตนเองซื้อบ้านเพิ่มอีกหลัง ซึ่งอยู่ด้านขวามือที่ติดกับบ้านที่มีปัญหา เพื่อทำเป็นสำนักงาน ตอนนั้นตนเองก็พยายามถามหาเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวมาโดยตลอด จนทราบว่าบ้านหลังนี้มีเจ้าของ ตนเองก็ไปตามหาเจ้าของ แต่ก็ไม่เจอ ซึ่งตนเองอยากได้บ้านหลังดังกล่าวมาก
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
ตนจึงต้องเข้ามาซ่อมแซมบ้านหลังนี้ เพราะเห็นว่ามันเก่าทรุดโทรมและเสี่ยงอันตราย ทั้งยังยืนอีกว่า ไม่ได้ต้องการจะเรียกร้องค่ารีโนเวทบ้าน และยินดีย้ายออก ซึ่งก็มีการทยอยย้ายของออกจากบ้านหลังดังกล่าวแล้ว และพร้อมเจรจากับเจ้าของบ้านตัวจริง โดยขอถามกลับ 3 ข้อ
1. จะขอบ้านคืนใช่ไหม ถ้าจะขอบ้านคืนยินดีย้ายของออกให้ ซึ่งก็เริ่มย้ายของออกหมดแล้ว
2. จะให้เช่าบ้านหลังนี้ไหม ถ้าให้เช่า ตนเองก็ยินดี
3. หรือจะขายบ้านหลังนี้ไหม ราคาเท่าไหร่ ตนเองพร้อมขอซื้อ แต่ขอเป็นราคาที่เหมาะสม
ที่ผ่านมา ตนเองก็รอทางเจ้าของบ้านกลับมาแสดงตัว ไม่คิดว่าจะเป็นข่าวขนาดนี้ และมีหลายประเด็นก็ไม่ตรงกับความจริง
ขอบคุณ รายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์