หลังปล่อยซิงเกิ้ลออกมาอย่างต่อเนื่องรวม 7 เพลงกับเวย์เฟอร์ เรคอร์ดส์ (Wayfer Records) ค่ายเพลงคุณภาพ ภายใต้การดูแลของวอร์นเนอร์ มิวสิค ประเทศไทย (Warner Music Thailand) ที่ให้ศิลปินสร้างสรรค์ผลงาน และโชว์ของที่มีอยู่ในตัวได้เต็มที่ "เจฟ ซาเตอร์" (Jeff Satur) ได้รับการยอมรับว่า เป็นศิลปินดาวรุ่งพุ่งแรงอีกคนของวงการที่ความสามารถครบเครื่อง ทั้งในฐานะศิลปิน นักแต่งเพลง

นอกจากความสามารถด้านงานเพลงแล้ว "เจฟ ซาเตอร์" ยังมีความสามารถทางการแสดงไม่น้อย ที่เราเคยได้รับชมผ่านตากันมาบ้างแล้ว และกำลังจะมีผลงานร่วมโปรเจ็กต์ภาพยนตร์กับทาง GDH อีกด้วย และด้วยความสามารถครบครัน เจฟ ซาเตอร์ จึงได้รับความสนใจจากสื่อและแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย รวมถึงแฟนเพลงทั้งในบ้านเราและในต่างแดน ล่าสุด เจฟ ซาเตอร์ ได้รับเชิญในฐานะศิลปินไทยไปร่วมแข่งขันในรายการเรียลลิตี้ชื่อดัง "Call Me by Fire Season 3" ซึ่งเป็นรายการที่มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของประเทศจีน

"ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของรายการ นี่เป็นโอกาสสำคัญสำหรับผม ที่จะแสดงความสามารถให้กับผู้ชมในวงกว้างมากขึ้น" เจฟ ซาเตอร์ พูดถึงโอกาสที่ได้รับ และการที่ได้ร่วมงานกับผู้เข้าร่วมรายการคนอื่น ๆ "ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจอกับผู้ร่วมรายการคนอื่น ๆ ได้ทำโชว์เจ๋ง ๆ ออกมา และเชื่อว่าพวกเราจะได้เรียนรู้อะไรมากมายจากกันและกัน"

สำหรับ "Call Me by Fire Season 3" เป็นรายการวาไรตี้โชว์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศจีน โดยซีซั่นนี้ จะมีผู้เข้าแข่งขันรวม 32 คน ที่มีความสามารถที่หลากหลายทั้งนักร้อง, นักแสดง, นักเต้น จากทั้งในและนอกประเทศจีน แล้วนำมาแบ่งเป็นทีมเพื่อสร้างสรรค์โชว์ขึ้นใหม่ในแต่ละสัปดาห์ และตัดสินโดยการโหวตจากผู้ชมสดในห้องส่ง ทีมที่ได้คะแนนมาก ก็จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ซึ่ง "เจฟ ซาเตอร์" เป็นศิลปินไทยเพียงคนเดียวในรายการ และยังแสดงความสามารถออกมาได้อย่างโดดเด่น เป็นที่น่าประทับใจต่อผู้ชมอีกด้วย

ซึ่งตอนนี้หนุ่มเจฟอยู่ร่วมทีมเดียวกันกับศิลปินหนุ่มชื่อดังในประเทศจีนอีกสองคนอย่าง ป๋อหย่วน และ หม่าป๋อเชียน และการปรากฏตัวทุกครั้งของเขาก็ทำให้แฟนๆ ประทับใจในโชว์ที่โดดเด่นอยู่เสมอ ที่เขาไม่เพียงแค่ไปร่วมร้องเพลงเท่านั้น แต่ทุกๆ โมเมนต์ที่เกิดขึ้นในรายการนี้ยังทำให้เหล่าคุณวันเสาร์ (ชื่อแฟนคลับของเจฟ) รู้สึกประทับใจในตัวของเขามากขึ้นไปอีก

เราจะได้เห็นโมเมนต์น่ารักๆ ของหนุ่มเจฟกับสมาชิกคนอื่นๆ ในรายการ ทั้งการทักทายพร้อมแนะนำตัวเองด้วยภาษาจีนว่าเขาชื่อ ‘หลัวเจียฟู่’ ตลอดจนการพูดคุยเรื่องราวและทำโชว์ต่างๆ ในขณะเดียวกันเราก็จะเห็นเหล่าศิลปินชาวจีนพยายามที่จะสื่อสารกับเจฟด้วย ซึ่งถือได้ว่ารายการนี้ไม่ได้เป็นแค่เพียงโชว์ที่แสดงทักษะทางดนตรีของแต่ละคนเท่านั้น แต่มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าโลกดนตรีไม่เคยมีกำแพงภาษา และรายการนี้ก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ๆ ที่ทำให้เราได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างคนที่ชื่นชอบอะไรเหมือนกันจากหลากหลายประเทศทั่วโลก และพวกเขาก็อาจสร้างผลงานดีๆ ร่วมกันได้ในอนาคตด้วย

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของรายการ นี่เป็นโอกาสสำคัญสำหรับผมที่จะแสดงความสามารถให้กับผู้ชมในวงกว้างมากขึ้น… ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจอกับผู้ร่วมรายการคนอื่นๆ ได้ทำโชว์เจ๋งๆ ออกมา และเชื่อว่าพวกเราจะได้เรียนรู้อะไรมากมายจากกันและกัน”

ไม่เพียงเท่านั้น สัปดาห์ที่ผ่านมานี้การแสดงของเจฟได้สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ชมและเหล่าคุณวันเสาร์ด้วยการแสดงเพลง ลืมไปแล้วว่าลืมยังไง (Fade) ในภาษาจีน ซึ่งช่วงแรกเขาร้องเพลงนี้เป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นภาษาจีนช่วงครึ่งหลัง แถมยังโซโล่เล่นพิณไทยในโชว์อีกด้วย เรียกได้ว่าไม่มีครั้งใดที่การปรากฏตัวของเขาในรายการจะไม่น่าประทับใจ เพราะนอกจากเขาจะมาด้วยลุคสูทวาเลนติโน่สีชมพูสุดโดดเด่นแล้ว แฟนๆ เองก็คงไม่คาดคิดว่าจะได้ฟังเพลงนี้แบบภาษาจีน ที่พิเศษไปมากกว่านั้นก็คือเพลงถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานกับเสียงพิณอันเป็นเอกลักษณ์ จนเราเองก็เชื่อว่าใครได้ฟังเพลงนี้แล้วน่าจะอยากฟังเวอร์ชั่นแบบจีนเต็มๆ อย่างแน่นอน